สารไฮโครควิโนน ช่วยแก้ฝ้าได้ดี แต่ทำไมใส่ไม่ได้ในสกินแคร์
มารู้จักไฮโดรควิโนน กันต่อค่ะ สารตัวนี้ไม่ใช่สารใหม่ เป็นสารที่มีมานานแล้ว สารที่ช่วยเรื่องฝ้ากระ จุดด่างดำ ผิวกระจ่างใส แล้วเห็นผลตัวหลักๆที่มักนำมาเล่นในสกินแคร์ก็มีไม่เท่าไร ซึ่งได้แก่ เรตินอยด์/ วิตามินซี /สารผลัดเซลล์ผิว AHA/BHA / albutin / tranexamic acid แอดผ่านมาหมดทุกตัวแล้วค่ะ 555+
แต่ที่นี้ ตัวที่เห็นผลเวิร์คสุดๆ ตัวนึง คงหนีไม่พ้นไฮโดรควิโนน (hydroquinone) โชคร้ายที่สารตัวนี้ ไม่ได้เอามาใส่ง่ายๆในสกินแคร์
.
กลไกการออกฤทธิ์ของมัน> มันยับยั้ง L-DOPA ไม่ให้เปลี่ยนเป็นเมลาโทนิน (กล่าวง่ายๆ คือการออกฤทธฺิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี)
.
ไฮโครควิโนน มีข้อบ่งใช้เรื่องอะไร > ฝ้าแดด ฝ้าฮอร์โมน ฝ้าตามอายุ ผิวคล้ำหลังการออกแดด เป็นต้น
.
ปริมาณที่อนุญาตให้ใช้ > 2-4% ต้องมีใบสั่งแพทย์ ถ้า 2% บางที่ก็ซื้อเองได้เลยค่ะ แล้วแต่ประเทศ
.
วิธีการใช้ > สำหรับพวกผลิตภัณฑ์แบบทา แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องวันละ 1-2 ต่อเนื่อง 3-6 เดือน ถ้า 3 เดือน ไม่ดีขึ้นแนะนำให้หยุด และที่สำคัญต้องใช้คู่กับกันแดด
.
การแนะนำการใช้> มีหลายการศึกษาแนะนำว่าสามารถใช้ร่วมกับเรตินอยด์หรือสเตียรอยด์ได้ ก็จะได้ผลดีขึ้น และต้องใช้ไฮโดรควิโนนถึง 35-45% สำหรับพวกผลิตภัณฑ์แบบทา ถึงดูดซึมเข้ากระแสเลือด
.
ดูดซึมเข้ากระแสเลือดแล้วยังไง? อธิบายง่ายๆ พอสารดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดมันก็จะถูกนำไปใช้ภายในร่างกาย ก็จะเห็นผลที่รวดเร็วกว่า ดังนั้นจะเห็นว่า อะไรที่ฉีดเข้าเส้นเลือดมักเห็นผลรวดเร็วกว่าการกินและการกินก็เห็นผลรวดเร็วกว่าการทา
.
ดังนั้นพวกผลิตภัณฑ์แบบทา (สกินแคร์ด้วย) มักใช้เพื่อหวังผลการออกฤทธิ์เฉพาะที่ เช่นทาที่ผิวหนัง ก็หวังผลเฉาพะที่ผิวให้ความชุ่มชื้น แต่สารที่ใส่ในผลิตภัณฑ์แบบทา นี้จะหวังผลได้ขนาดไหน ยังขึ้นอยู่กับสารอื่นๆในสูตรที่ใช้ในการพาสารเหล่านั้นแทรกซึมผ่านผิวไปออกฤทธิ์ด้วยค่ะ จึงไม่แปลกว่า ถ้าอยากให้เห็นผลดีๆ ต้องใส่สารในปริมาณสูง เพื่อหวังว่าเมื่อมันทะลุผ่านผิวแล้วยังเหลือสารเหล่านั้นอยู่บ้าง หรือดูดซึมเข้ากระแสเลือด (อันนี้จะไม่เห็นในสกินแคร์ สกินแคร์ใส่ไม่ได้แบบนั้น โดน อย. เล่นแน่นวล) หรือหลายที่ก็ใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วย เพื่อดันสารผ่านเข้าผิวไปออกฤทธิ์
.
ผู้หญิงตั้งครรภ์ทาได้ไหม? categoryC แอดมองว่าไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ความเข้มข้นสูงจนซึมผ่านเข้ากระแสเลือดค่ะ
.
ดังนั้นเวลาจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไร แอดแนะนำว่าให้ดูข้อมูล แล้วเลือกให้เหมาะกับตัวเอง
.
Ref: เพื่อใครอยากอ่านเพิ่มเติมค่า
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK539693/
https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=390