รวม 8 เมนูกาแฟยอดฮิต เมนูไหนแคลอรี่ต่ำ ดื่มได้ไม่อ้วน? : สั่งกาแฟยังไงให้ไม่อ้วน

โดย Admin_ChoiceChecker01 27/06/2022

สั่งกาแฟยังไงให้ไม่อ้วน? เมนูกาแฟอะไรที่กินแล้วสุขภาพดี? เพราะกาแฟแทบจะเป็นเมนูประจำในมื้อเช้าและยามบ่ายของใครหลายๆคน ไหนจะคาเฟ่ จะตู้กดอัตโนมัติ หรือร้านสะดวกซื้อที่มีเมนูกาแฟสุดหลากหลายให้เลือกกินกันตามใจ แต่รู้รึเปล่าว่านอกจากคาเฟอีนในกาแฟที่ปลุกให้เราตื่นได้แล้ว บางเมนูอาจจะมีน้ำตาล มีไขมัน หรือมีพลังงานมากเกินจำเป็น จนทำให้กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มตัวร้ายกับสุขภาพและชั้นพุงของเราได้  วันนี้ ChoiceChecker จะมาบอกเคล็ดลับสั่งกาแฟให้สุขภาพดี กินกาแฟแล้วไม่อ้วนกันค่ะ

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจกันเลย

 


 

 

ประโยชน์-โทษของกาแฟ

ประโยชน์ของกาแฟ

  • คาเฟอีนในกาแฟ ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย หลายคนจึงชอบดื่มในมื้อเช้ากันนั่นเองค่ะ
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายทั้งกลุ่ม hydroxycinnamic acid และ polyphenol ช่วยในการป้องกันโรคเบาหวาน หัวใจ มะเร็ง เป็นต้น

ซึ่งถ้ามองดูที่ตัวกาแฟเองก็ถือว่ามีประโยชน์กับร่างกายไม่น้อยเลย ถ้าดื่มในปริมาณที่พอดี แต่เมนูกาแฟสุดแฟนตาซีในปัจจุบัน ก็กลับมีปริมาณน้ำตาลและไขมันที่สูงปรี๊ดดด จนทำให้เครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์กลับสร้างโทษให้ร่างกายมากเกินไปได้ค่ะ

 

โทษของกาแฟ

  • คาเฟอีน หากได้รับปริมาณที่มากเกินไปอาจกระทบกับการนอน และนอนไม่หลับได้
  • การกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่า หากมากเกินไปก็อาจทำให้ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว จนไม่เป็นอันทำอะไรได้
  • น้ำตาลที่แฝงอยู่ในเมนูกาแฟอาจเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ เช่นฟันผุ เบาหวาน ผิวหน้าเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ริ้วรอยลึกลง สิวขึ้น ฝ้ากระคล้ำ น้ำหนักเกิน เป็นต้น

 

 

น้ำตาล ตัวร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมนูกาแฟ

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก แนะนำว่า เราควรกินน้ำตาลวันละไม่เกิน 10% ของพลังงาน* (ประมาณ 16-25 กรัม หรือ 4-6 ช้อนชานั่นเอง)  ลองนึกภาพคุณลุงร้านกาแฟโบราณชงน้ำสัก 1 แก้วสิ ตักน้ำตาลด้วยช้อนกลางแบบแน่นๆ จุกๆ น้ำตาจะไหลแล้วนะคะ

ซึ่งรู้หรือไม่ หากเราสามารถลดการกินน้ำตาลต่อวันลงให้เหลือแค่ 8-12 กรัมต่อวัน หรือ 2-3 ช้อนชา จะยิ่งช่วยให้สุขภาพเราดีขึ้นได้มากๆ แถมเสี่ยงน้ำหนักขึ้นน้อยลง และยังดีกับระบบผิวพรรณเราด้วยนะ

หมายเหตุ พลังงานของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันนะ ขึ้นอยู่กับเพศ น้ำหนัก อายุ และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันด้วย (แต่จะประมาณ 1600 - 2500 กิโลแคลอรี่ค่ะ)

 


 

รวม 8 เมนูกาแฟ สั่งแล้วไม่อ้วน สั่งเมนูอะไร? ให้สุขภาพดี ไม่อ้วน

มาถึงตรงนี้ ได้เวลามาพลิกเมนูดูกันแล้วค่ะว่า ไปคาเฟ่รอบหน้าจะสั่งเมนูไหนที่จะเซฟระดับน้ำตาล เซฟสุขภาพเราดี ครั้งนี้ ChoiceChecker ของเน้นเมนูยอดฮิตที่ใครหลายๆคนชอบสั่งกันนะคะ (กาแฟที่สุขภาพดีก็อาจไม่ได้มีแค่กาแฟดำนะ)

 

เมนูที่ 1 : อเมริกาโน่ กาแฟดำ+น้ำ

แคลอรี่ 15 kCal

ปริมาณน้ำตาล 0 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 150 มิลลิกรัม

เมนูนี้ติดอันดับท็อปฮิตของความเฮลตี้ เพราะความเพียวที่มีแค่กาแฟผสมน้ำเท่านั้น แต่ใครที่เป็นสายดื่มแบบนุ่มนวลอาจจะส่ายหัวให้กับเมนูนี้ได้ เพราะความชัดและความสตรองของกาแฟสุดเข้มข้นก็อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะ

 

เมนูที่ 2 : ลาเต้ กาแฟดำ + นม + ฟองนมบางๆ

แคลอรี่ 176.2 kCal

ปริมาณน้ำตาล 12.8 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

เมนูนี้จะโดนใจสายดื่มแบบละมุนๆ เพราะส่วนผสมจะมีกาแฟและนมอุ่นๆจำนวนมากผสมกัน ตบท้ายด้วยฟองนมบางๆด้านบน แต่บางร้านอาจจะเติมน้ำเชื่อม น้ำตาล หรือนมช้นเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ถูกปากคนไทย เพราะฉะนั้นทางที่ดี อย่าลืมถามเรื่องความหวาน สั่งหวานน้อย และลองเปลี่ยนนมเป็นนมไขมันต่ำก็ช่วยลดปริมาณแคลอรี่ลงได้เยอะเลยนะคะ

 

เมนูที่ 3 : มอคค่า กาแฟดำ + นม + ช็อกโกแลต

แคลอรี่ 290 kCal

ปริมาณน้ำตาล 15 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 95 มิลลิกรัม

เมนูนี้นอกจากกาแฟ และนมแล้วจะมีการเพิ่มช็อกโกแลต หรือดาร์กช็อกโกแลตเข้ามาเพิ่มความหอมนัวๆอีกหนึ่งกรุบ เพราะฉะนั้นเราจึงได้พลังงานจากช็อกโกแลตเพิ่มเติมเข้ามาด้วย แถมบ้างร้านยังเติมวิปครีมและน้ำตาลเพิ่มเข้าไป (ทั้งในเมนูร้อนและเย็น) ดังนั้นถ้าจะสั่งเมนูนี้ อาจจะต้องคำนวณแคลอรี่ในมื้อไม่ให้สูงมากจนเกินไปด้วยนะคะ

 

เมนูที่ 4 : คาปูชิโน่ กาแฟดำ + นม + ฟองนม

แคลอรี่ 108.3 kCal.

ปริมาณน้ำตาล 7.7 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

คาปูชิโน่ อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่เกือบจะคล้ายๆลาเต้ แต่จะเข้มข้นกว่าด้วยการใช้ส่วนผสม กาแฟ นมอุ่นๆ และฟองนม ในปริมาณที่เท่าๆกัน รสชาติความเข้มข้นของกาแฟจึงชัดเจนกว่าลาเต้ค่ะ ซึ่งเมื่อเมนูนี้ลดปริมาณนมลงให้น้อยกว่าลาเต้ พลังงานที่ได้มาจึงต่ำลงตามไปด้วย แต่อย่างที่บอกว่าต้องเช็คแต่ละร้านด้วยนะคะว่าเค้าแอบปรับสูตรเติมน้ำตาลหรือนมข้นเข้าไปเพิ่มรึเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องเบรกเค้ากันด้วยคำว่าหวายน้อย หรือไม่หวานเลยค่าา

 

 

เมนูที่ 5 : ลาเต้ มัคคิเอโต้ กาแฟดำ + นม + คาราเมล

แคลอรี่ 201 kCal

ปริมาณน้ำตาล 22.4 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

มัคคิเอโต้ เมนูที่ดีต่อใจ แต่ไม่ค่อยดีต่อชั้นพุงสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากกาแฟ นม และฟองนมแล้วยังเติมคาราเมลไซรัปเข้าไปแบบจุกๆ เพิ่มความหอมละมุนๆ รสชาติหวานๆ ชวนให้ยกซดหมดแก้วได้ง่ายๆ ฉะนั้นแก้วนี้แนะนำให้เป็นเมนูที่เลือกในวันที่เราอยากกินจริงๆ ไม่ใช่เมนูประจำ และที่สำคัญต้องคำนวณพลังงานจากอาหารในมื้ออื่นๆกันด้วยนะคะ

 

เมนูที่ 6 : Dirty Coffee กาแฟดำ + นมที่แช่จนเย็นเจี๊ยบ

แคลอรี่ 110 kCal

ปริมาณน้ำตาล 6 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

เมนูยอดฮิตในคาเฟ่ยุคนี้ เป็นการใช้กาแฟช็อตเทลงบนนมสดที่แช่เย็นเจี๊ยบๆ เสิร์ฟในแก้วขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งที่มาของชื่อ Dirty นั้นก็หมายถึงความเปรอะเปื้อนของเอสเพรสโซ่ในแก้วนมนั่นเองค่ะ ซึ่งเมนูนี้ก็มีพลังงานไม่สูงมาก เพราะตัดท็อปปิ้ง ตัดการปรุงแต่งลงไป แคลอรี่ที่ได้จึงมาจากนมและกาแฟแบบเน้นๆเลย เมนูนี้เลยเป็นอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำสำหรับวันที่ต้องการความสดชื่นมาเติมให้ใจ แถมไม่เป็นภัยกับชั้นพุงมากด้วยค่ะ

 

เมนูที่ 7 : เอสเพรสโซ่ กาแฟดำเพียวๆ

แคลอรี่ 5 kCal

ปริมาณน้ำตาล 0 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

เมนูสำหรับสายแข็ง หนักแน่นยิ่งกว่าอเมริกาโน่ เพราะเป็นช็อตกาแฟแบบเน้นๆ เพียวๆ ดื่มกรึ้บเดียวได้รับคาเฟอีนไปเต็มๆ ซึ่งเอสเพรสโซ่ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นกาแฟดำช็อตเข้มข้น เสิร์ฟในแก้วขนาดจิ๋ว เพราะฉะนั้นแคลอรี่จึงสูงกว่าน้ำเปล่าเพียงนิดเดียวเองค่ะ

แต่!! ตามร้านกาแฟในไทยยังมีหลายร้านมากๆ ที่ดัดแปลงชื่อเอสเพรสโซ่ไปเป็นเมนูเอสเพรสโซ่เย็น หรือเอสเพรสโซ่ปั่น ที่ใช้แทนความเข้าใจว่าเป็นกาแฟใส่นมทั่วไปที่เพิ่มความเข้มข้นของกาแฟ เพราะฉะนั้นอย่าติดกับดักว่าสั่งเอสเพรสโซ่เย็น เอสเพรสโซ่ปั่นแล้วจะไม่อ้วนกันนะคะ เพราะของแถมในแก้วมีทั้งน้ำตาล ทั้งนมข้น ทั้งนม แคลอรี่ออกมาหนักไม่แพ้กันเลย

 

เมนูที่ 8 : เอสเพรสโซ่ + น้ำส้ม

แคลอรี่ 115

ปริมาณน้ำตาล 20 กรัม

ปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม

และสุดท้ายเมนูยอดฮิตแห่งยุค ที่คาเฟ่ไหนไม่มีถือว่าตกเทรนด์เลย กับน้ำส้มสดชื่นๆผสมช็อตเอสเพรสโซ่ ที่เพิ่มทั้งความสนชื่นและเติมคาเฟอีนให้ตื่นเต็มตา ซึ่งถ้าถามเรื่องความเฮลท์ตี้ เมนูนี้ถือว่าติดอันดับความพลังงานต่ำเหมือนกัน แต่ใดๆ ก็ขึ้นอยู่กับน้ำส้มที่แต่ละร้านเลือกใช้ด้วยว่ามีปริมาณน้ำตาลสูงมากมั้ย? ถ้าเน้นว่าเป็นน้ำส้มคั้นสดๆ เพียวๆ เน้นรสชาติจากส้มไม่ปรุงแต่งมาก เมนูนี้จะเป็นอีกเมนูที่พลังงานต่ำและผ่านสำหรับสายสุขภาพเลยค่ะ

 

และอย่างที่บอกไว้ว่าในกาแฟ 1 แก้ว ยังสามารถเติม เพิ่มท็อปปิ้งต่างๆได้อย่างเต็มที่ เราเลยแถมแคลอรี่ในท็อปปิ้งต่างๆ มาให้เพิ่ม เผื่อรอบหน้าไปคาเฟ่จะได้ยอมตัดใจลดความฟินลงและขอตัดท็อปปิ้งพวกนี้ออกกันนะคะ

 

 

แคลอรี่ของท็อปปิ้ง

วิปครีม ตกแต่งแก้วเพิ่มความสวยงาม เพิ่มรสชาติมันๆ นัวๆ แต่แคลอรี่ก็ไม่เบาเลยนะ แคลอรี่ 156 kCal/60กรัม

คาราเมลซอส คาราเมลซอสหอมๆ หวานๆ เพิ่มกลิ่นและรสชาติชวนกิน. แคลอรี่ 2.68/กรัม

ช็อกโกแลตไซรัป ถูกใจสายหวานด้วยช็อกโกแลตไซรัป ที่แคลอรี่และความหวานไม่เบาเลยเหมือนกัน แคลอรี่ 2.79/กรัม

นมข้น ท็อปปิ้งตัวร้ายที่แอบซ่อนอยู่ในกาแฟแบบไม่รู้ตัว ทั้งหวานทั้งมัน อร่อยนัวๆ แต่ร้ายกับสุขภาพไม่เบาเลยนะ แคลอรี่  45 kCal/1 ช้อนโต๊ะ

 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเมนูบางส่วนที่เราไปรวมข้อมูลมาให้นะค้าา ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูยอดฮิตที่มีอยู่แทบทุกร้าน ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละร้านก้จะยังมีเมนูซิกเนเจอร์อีกมากมาย ที่ยังเติมท็อปปิ้ง เพิ่มความสวยงามแฟนตาซี และความยั่วยวนใจให้อยากกินเพิ่มเข้าไปอีก x10  เพราะฉะนั้นใครที่เป็นสายหวาน รักเครื่องดื่มปั่นกินแล้วมั่นเย็นชื่นใจ อาจจะต้องลองปรับแนวทางการดื่มกาแฟกันใหม่ ค่อยๆลดเมนูปั่นลงบ้าง เพราะเจ้ากาแฟปั่นนี่แหละที่จะใส่ท็อปปิ้ง เติมน้ำตาล น้ำเชื่อม และนมลงไปแบบจุกๆ เพิ่มความน่ากินเข้าไปอีก 300% (และเพิ่มโอกาสทำร้ายสุขภาพไปด้วย แงงง)

 

สรุป ถ้าจะกินควรกินตอนไหน กินเมนูอะไร?

สำหรับสายสตรอง แนะนำ อเมริกาโน่ เอสเพรสโซ่ กาแฟแน่นๆ เข้มข้นถึงใจสุดๆ แถมแคลอรี่ต่ำ แต่ทำตาตื่นได้ทั้งวัน แต่เพื่อสุขภาพและเลี่ยงการรับปริมาณคาเฟอีนมากเกินไปแ แนะนำให้ดื่มไม่เกินวันละ 4 แก้วนะคะ

สำหรับสายซอฟต์  แนะนำ Dirty Coffe หรือ คาปูชิโน่ เพราะพลังงานไม่สูงมากจนเกินไปแต่ยังได้ดื่มกาแฟที่มีรสชาติละมุนๆ ไม่หนักมาก

สำหรับสายหวานที่ยังขาดน้ำปั่นไม่ได้จริงๆ แข็งสั่งหวานน้อย หวาน 50% แล้วค่อยๆชาเล้นจ์ตัวเองลดหวานลงไปเหลือ 25% นะคะ (วิธีนี้เวิร์คมาก ผักบุ้งของเราก็ลองทำอยู่ กินแล้วรู้สึกผิดน้อยลงไปเพียบ) นอกจากความหวานแล้ว อย่าลืมเจ้าท็อปปิ้งตัวร้ายด้วยนะ ใครฝึกจิต ใจแข็งสั่งไปเลยว่าไม่เอาวิปครีม ไม่เติมท็อปปิ้ง เพิ่มความเฮลตี้ไปได้เยอะเลย
 

สรุปเทคนิคสั่งกาแฟ ดื่มยังไงให้ไม่อ้วน ดีต่อสุขภาพ

1.จำกัดปริมาณการดื่ม ไม่เกิน 4-5 แก้วต่อวัน

2.ดื่มในช่วงเช้า หรืออ่างน้อยก่อนนอน 6-8 ชั่วโมง

3.เลือกเมนูที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันต่ำ

4.ลดและเลี่ยง ของหวาน เค้ก ขนมปังมาทานคู่กับเมนูกาแฟที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เพื่อเลียงการได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็นในมื้อนั้น

5.ใจแข็ง สั่งหวานน้อย ปรับลดปริมาณความหวานลงเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว

6.ลองเปลี่ยนนมสดนัวๆ เป็นนมไขมันต่ำ นมถั่วเหลืองแทน

 

👩‍⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩‍⚕️


 

Reference


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น


ขอบคุณข้อมูลดีๆด้วยนะคะ
07/01/2023 20:18
ชื่นชอบกาแฟมากๆเลย ชอบกลิ่นของเค้าหอมมมมม
02/10/2022 04:50
เปนอะไรที่ต้องกินทุกวัน5555
02/10/2022 04:49
ขอบคุณความรู้มากๆเลยยลองทำแล้วดีมาก
09/09/2022 20:29
กาแฟรสชาติความหอมที่ลงตัวมากเลยคะ
09/09/2022 17:26
กาแฟทั้งหอมชีวิตขาดไม่ได้จริงๆนะครับ
23/08/2022 19:29
อเมริกาโน่&ลาเต้ เลิฟเว่อค่า
16/08/2022 17:21
กินเมนูไหนก็ไม่อ้วน ไขมันต่ำ แถมอร่อยด้วยคะ
02/07/2022 01:19
เมนูที่8 น่าลองมากๆเลย
28/06/2022 07:51
ไมาต้องอดแล้ว รักกกกก
27/06/2022 11:53