ยังต้องกินอาหารเสริมคอลลาเจนเสริมอีกมั้ย ในเมื่ออาหารปกติที่เรากินอยู่ก็มีคอลลาเจนหนิ? แล้วที่ว่ามีอ่ะมีอยู่เท่าไหร่ เพียงพอมั้ย? คอลลาเจนผง คอลลาเจนเม็ด ยังจำเป็นอยู่รึป่าว? มาหาคำตอบทั้งหมดนี้ได้ที่นี่ค่ะ
เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย
ในผิวเรามีคอลลาเจนอยู่ตั้ง 75-80% แต่ยิ่งอายุมากขึ้น คอลลาเจนยิ่งลดลงไวเกินต้าน ทำให้หลายคนพยายามหาคอลลาเจนมากิน ก็ในเมื่อร่ายกายขาดไปเราก็กินอาหารเสริมเติมเข้าไปสิ!
ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น งานวิจัยเกี่ยวกับการกินอาหารเสริมคอลลาเจนในปัจจุบันผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ กินแล้วผิวดูสุขภาพดีขึ้น กินแล้วดีกับผิวเพิ่มความชุ่มชื้นได้แทบจะไม่เจอผลข้างเคียงการจากการกินคอลลาเจนเสริม ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่า กินคอลลาเจนแล้วร่างกายเอาไปสร้างคอลลาเจนได้จริงมั้ย และส่วนใหญ่ก็เป็นงานวิจัยที่ทำโดยผู้ผลิตคอลลาเจนเองทำให้อาจมีความเอนเอียง(Bias) ไม่ได้น่าเชื่อถือที่สุด ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปค่ะ ดังนั้น การกินอาหารเสริมคอลลาเจนไม่ได้แย่ ไม่อันตราย ทานได้ แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็น จะกินหรือไม่กินก็ได้
✔️ช่วยยึดโยงส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น โครงสร้างผิว ยึดกระดูกข้อต่อ
✔️ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว เพิ่มความผิวเด้ง ผิวฟู
✔️คอลลาเจนในผิวมีมากเพียงพอ จะช่วยทำให้ริ้วรอยดูจางลง
✔️ลดการเปราะแตกของเล็บ
อาหารเสริมคอลลาเจนราคาค่อนข้างแพง งั้นเรากินจากอาหารแทนได้มั้ยในเมื่อร่างกายเราก็สร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว ร่างกายเรามีกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนได้เองตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะคอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญของส่วนต่างๆในร่างกาย ช่วยยึดโยงสิ่งต่างๆ ยึดโครงสร้างผิว ยึดกระดูกด้วยข้อต่อต่างๆ และนี่คือลิสต์สารอาหารที่ต้องกินเพื่อให้ร่างกายเอาไปใช้ในการสร้างคอลลาเจนได้
-โปรตีน/กรดอะมิโนจำเป็น
กรดอะมิโนมีอยู่ 20 ชนิด แทบทั้งหมดในร่างกายเราสร้างเองได้ แต่มีอยู่ 9 ชนิดที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ (เรียกว่ากรดอะมิโนจำเป็น) ต้องมาจากการกินเข้าไป เพื่อใช้ในการสร้างโปรตีนหรือคอลลาเจน
ของกินที่มีโปรตีน/กรดอะมิโนสูง: เนื้อสัตว์ ปลา ไข่(ในไข่ขาวมีโพรลีน กรดอะมิโนสร้างคอลลาเจน) ผลิตภัณฑ์นม กะหล่ำปลี เห็ด หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเหลือง(มีกรดอะมิโนจำที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ทำลายคอลลาเจนด้วย)
-คอลลาเจน: หนังหมู หนังไก่ เจลาติน โปรตีนจากถั่ว โปรตีนจากเห็ด ปลา(หนังปลาและกระดูกปลาเป็นส่วนที่มีโปรตีนเยอะสุด)
แต่น้ำซุปต้มกระดูกอาจจะไม่ใช่แหล่งคอลลาเจนที่เยอะอย่างที่หลายคนเข้าใจค่ะ
แต่มันก็ยังมีแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโน และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
เอ็นเนื้อ 1 กรัม มีคอลลาเจน 49.8 มก.
ไส้หมู 1 กรัม มีคอลลาเจน 30.8 มก.
หนังปลายอดจาก มีคอลลาเจน 76.6 มก.
-วิตามินซี: พบในผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม มะนาว มะขามป้อม พริกหยวก
-สังกะสี: พบในเนื้อวัว เนื้อแกะ หมู หอย ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่ว นม ชีส ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ
-ทองแดง: พบในเนื้ออวัยวะ ผงโกโก้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ งา และถั่วเลนทิล
-โพลีแซกคาไรด์: พบในผักหลากสี มันต่างๆ มันหวาน มันเทศ มันมือเสือ ฟักทอง
-โอเมก้า 3: ถั่วเปลือกแข็ง นมจากพืช อัลมอนด์ เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดเจีย
-Folic Acid: ผักใบเขียวเข้ม
-Sulfur Taurine: กระเทียม อาหารทะเล กุ้ง หอยนางรม ปลา เนื้อวัว เนื้อหมู ทูน่า ตับหมู เนื้อไก่ โยเกิร์ต
สาหร่ายทะเล สาหร่ายแดง และนมวัว (การกินอาหารในชีวิตประจำวันทั่วไป ก็ได้ ทอรีนจากอาหารประมาณ 40– 400 มิลลิกรัม ไม่รวมในผักอีก)
-วิตามินเอ: อาหารสีส้ม เหลือง ฟักทอง แครอท ผลไม้สีส้ม
สรุปวัตถุดิบที่ใช้สร้างคอลลาเจน ประกอบด้วย
เท่ากับโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็น เช่น โพรลีน ไกลซีน + วิตามินซี + โพลีแซกคาไรด์(น้ำตาลโมเลกุลสายโซ่) + Zinc + ทองแดง + โอเมก้า 3 (เป็นตัวช่วยให้เส้นใยคอลลาเจนแข็งแรง) + Folic Acid + Sulfur Taurine (ช่วยในการสร้างคอลลาเจนใหม่และป้องกันการสลายของคอลลาเจน) + วิตามินเอ และต้องกินน้ำตามเยอะๆ
สารอาหารพวกนี้จะถักทอกรดอะมิโน 3 ชนิดออกมาเป็นเส้นใยคอลลาเจนเอาไปใช้ในส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าจะกินแค่คอลลาเจนเพียวๆจากอาหารเสริม หรือเลือกกินแต่อาหารที่มีคอลลาเจนสูง แล้วหวังว่าร่างกายเราจะสร้างคอลลาเจนให้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ
สรุปแล้วเราควรกิน คอลลาเจนธรรมชาติจากอาหาร หรือ คอลลาเจนจากอาหารเสริม กันแน่?
อาหารที่มีเจลาตินสูงอย่าง ขาหมู ก็มีคอลลาเจนเยอะนี่ กินเข้าไปก็ได้คอลลาเจนเหมือนกัน แต่ประเด็นคือ อาหารพวกนี้มีของแถมมาตามมาด้วย ไม่ว่าจะคลอเรสเตอรอล ไขมัน น้ำตาล ปริมาณคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการต่อวันคือ 2,500-10,000 มก. กว่าจะกินจากอาหารให้ได้เท่านี้ก็เมื่อยกรามไม่ไหว วิธีกินที่หวังผลให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุด ในสไตล์ choicechecker คือ การกินอาหารมื้อปกติให้หลากหลาย ไม่เมนูกินซ้ำๆควบคู่ไปกับการกินคอลลาเจนเสริม ช่วยให้ร่างกายมีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตคอลลาเจนใช้เอง
■ คอลลาเจนธรรมชาติ
ข้อดี: ราคาถูก คอลลาเจนธรรมชาติแทรกตัวอยู่ในอาหารที่เราต้องกินอยู่แล้ว แค่กินมื้ออาหารปกติก็ได้คอลลาเจนและสารอาหารอื่นๆที่จำเป็นในการสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย
ข้อด้อย: ได้ปริมาณคอลลาเจนน้อย กว่าจะกินจากอาหารให้ถึงปริมาณที่แนะนำต่อวันอาจได้ไขมัน แป้ง หรือน้ำตาลสูงเกิน และดูดซึมช้ากว่าอาหารเสริมที่มีการแตกตัว(Hydrolysed)ให้ร่างกายดูดซึมง่าย
■ คอลลาเจนแบบผง
ข้อดี: ประสิทธิภาพในการดูดซึมดีกว่าแบบเม็ด คอลลาเจนละลายในน้ำ แบบผงต้องชงกินพร้อมน้ำอยู่แล้วเท่ากับได้น้ำเข้าไปช่วยในการดูดซึมด้วย
ข้อด้อย: มีปัญหาเรื่องกลิ่นคาว สำหรับบางคนที่เซ้นซิทีฟเรื่องกลิ่นอาจจะกินไม่ไหว และมีพิธีรีตรองในการกินตรงที่ต้องผสมกับน้ำหรือผสมในอาหาร/เครื่องดื่ม ไม่ได้กินง่ายเหมือนแบบเม็ด
■ คอลลาเจนแบบเม็ด
ข้อดี: กินง่ายมาก หมดปัญหาเรื่องกลิ่นคาว สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นคาวของคอลลาเจนผงให้กินแบบนี้แทนค่ะ แต่ควรกินน้ำตามเยอะๆนะ
ข้อด้อย: ดูดซึมช้ากว่าเพราะต้องเอาไปแตกตัวก่อน และต้องมีการแบ่งกินหลายเม็ดหลายโดส บางยี่ห้อ 3-6 เม็ดต่อวัน มีโอกาสเสี่ยงอาจจะลืมกินได้ไม่ครบโดส(คนขี้ลืมกินแบบผงจบกว่า)
■ Meji Amino Collagen + CoQ10 & Rich Extract (196g / ฿1,590)
คอลลาเจนจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่สกัดมาจากปลา ซึ่งก็จะได้คอลลาเจน type 1 และ 2 ที่ดูหวังผลเรื่องผิวพรรณได้ และปลาญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพอยู่แล้ว คอลลาเจนเมจิแบบผงตัวนี้ได้คอลลาเจนเปปไทด์จากปลา 5,424 มก. + วิตามินซีประมาณส้ม 1 ลูก + โคคิวเท็น + เซราไมด์จากสารสกัดจมูกข้าว มาครบทั้งคอลลาเจนและผู้ช่วยดูดซึม เป็นตัวที่ดูหวังผลได้นะ ไม่มีสี ไม่มีรสชาติ ผสมกับอะไรกินก็ได้
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500 มก. ตามไปด้วยค่ะ
ปริมาณ: กินวันละ 7 กรัม 2 ช้อนโต๊ะไม่มีช้อนตวงมาให้ / กินได้ 28 วัน
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
■ Shiseido The Collagen W Powder (126g / ¥3,753)
มาที่คอลลาเจนชิเซโด้กันบ้าง แบรนด์ไฮเอนชื่อดังที่หลายคนรู้จักเค้าทำคอลลาเจนเปปไทด์ชนิดดูดซึมไว สกัดจากปลาทะเล ตัวนี้ไม่หวาน แคลอรี่ต่ำ ชงผสมเครื่องดื่มที่ชอบได้เลย ซองเล็กๆเหมาะกับการเริ่มกินคอลลาเจนช่วงแรกๆ ได้คอลลาเจนประมาณ 5,000 กรัมตามมาตรฐาน
ปริมาณ: กินวันละ 6 กรัม มีช้อนตวงมาให้ / กินได้ 21 วัน
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500-1,000 มก. ตามไปด้วยค่ะ
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
■ Vital Proteins Collagen Peptides (284g / €28.75)
เปลี่ยนมาที่คอลลาเจนอเมริกากันบ้าง อเมริกาชอบใช้คอลลาเจนจากวัว(เพราะเค้าเป็นประเทศอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่) แต่คอลลาเจนยี่ห้อนี้เคลมว่าเค้าใช้คอลลาเจนสกัดจากวัวกินหญ้า ไก่ที่เลี้ยงนอกกรง จากปลาที่ตกได้ในธรรมชาติ และจากเยื่อหุ้มเปลือกไข่ ใดๆคือเป็นคอลลาเจนที่ไม่ทรมานสัตว์ ให้คอลลาเจน Type 1, 2, 3, 5, 10 ได้รับการรับรองจาก NSF และ ConsumerLab ตัวนี้ไม่ปรุงแต่งรสชาติ
ปริมาณ: กินวันละ 7.8 กรัม มีช้อนตวงมาให้ / กินได้ 28 วัน
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500-1,000 มก. และทานอาหารเพื่อเติมสารอาหารอื่นๆด้วยค่ะ
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
■ DHC Supplement Collagen (180 Capsules / ฿550)
แน่นอนว่าแบรนด์ฝั่งญี่ปุ่นเค้าจะใช้คอลลาเจนเปปไทด์จากปลาทะเลกัน สกัดคอลลาเจนได้ดีแถมวิตามิน DHC ตัวนี้ยังมีวิตามิน B1 & B2 มาให้ด้วย ซองนึงสำหรับ 60 วันค่ะต้องกินวันละ 3 เม็ด กินหลังอาหาร 3 มื้อได้เลย
ปริมาณ: กินวันละ 3 เม็ด / กินได้ 60 วัน
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500-1,000 มก. ตามไปด้วยค่ะ
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
■ FANCL Deep Charge Collagen 30 Days (180 Capsules / ¥1,330)
อีกหนึ่งคอลลาเจนจากแบรนด์ไฮเอนญี่ปุ่นที่ใช้คอลลาเจนสูตรเฉพาะที่เรียกว่า HTC Collagen เป็นคอลลาเจนที่เคลมว่าย่อยโมเลกุลให้เล็กจนร่างกายดูดซึมง่าย เสริมด้วยวิตามิน C และสารสกัด Rose bud มาช่วยเสริมการดูดซึม เม็ดนึงมีคอลลาเจน 1,000 มก. กินครบโดส 6 เม็ดก็จะได้ 6,000 มก.ต่อวัน
ปริมาณ: กินวันละ 6 เม็ด / กินได้ 30 วัน
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500-1,000 มก. ตามไปด้วยค่ะ
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
■ NeoCell Super Collagen+C Type 1&3 (250 Capsules / ฿1800)
กลับมาที่คอลลาเจนอเมริกากันอีกรอบ สกัดจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าอีกเหมือนเดิม ตัวนี้เป็นคอลลาเจน type 1 และ 3 บวกวิตามินซีประมาณส้ม 1 ลูก เป็นสูตรคีโต กินวันละ 6 เม็ด รวมแล้วก็จะได้คอลลาเจนประมาณ 6,000 มก. ซึ่งก็ค่อนข้างเข้มข้นกว่าแบรนด์อื่นนะ
ปริมาณ: กินวันละ 6 เม็ด / กินได้ 41 วัน
แนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมขนาด 500-1,000 มก. ตามไปด้วยค่ะ
ทางไปชอป: คลิกที่นี่
👩⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩⚕️
งานวิจัยอ้างอิง
ความคิดเห็น