ตั้งแต่เจ้ทำงานเป็นเภสัชมา “คอลลาเจนช่วยเข่าเสื่อมจริงไหม?” เป็นคำถามที่เจ้ได้ยินบ่อยที่สุด หลายท่านพอเข้าสู่อายุ 50+ 60+ เริ่มประสบอาการข้อเข่าเสื่อม คอลลาเจนเลยเป็นอีกหนึ่งอาหารเสริมที่ถูกมองหา เพราะเข้าใจกันว่าจะมาช่วยลดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ แต่อย่างที่ทราบกันคอลลาเจน จริงๆแล้วมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วไปเติมคอลลาเจนตามส่วนที่หดหายไปได้ทั้งที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้น เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วคอลลาเจนจะถูกย่อยสลายให้มีขนาดเล็กก่อนในระบบทางเดินอาหาร
เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย
คอลลาเจน เป็นสายโปรตีนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนเล็กๆหลากหลายชนิดเรียงต่อกัน คอลลาเจนในร่างกาย มีหลากหลายชนิด แต่พบปริมาณมากที่สุด 3 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนประเภทที่ 1 พบในผิวหนัง กระดูก เอ็น เนื้อเยื่อ คอลลาเจนประเภทที่ 2 พบมากที่กระดูก กระดูกอ่อน และ คอลลาเจนประเภทที่ 3 พบมากที่ผิวหนัง และเส้นเลือด
ข้อเข่า ประกอบด้วยชิ้นส่วนของกระดูก 3 ชิ้นได้แก่ กระดูกต้นขา กระดูกส่วนหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า นอกจากนั้นก็มีน้ำหล่อเลี้ยงข้อ เนื้อเยื่อหุ้มข้อ เอ็นรอบข้อ และเอ็นไขว้หมอนรองกระดูก ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าคอลลาเจน เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูก เนื้อเยื่อและเส้นเอ็น การที่ปริมาณคอลลาเจนลดลงตามอายุ หรือถูกปัจจัยอื่นมากระตุ้นเช่นสูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์จัด นอนไม่เพียงพอ เครียดจัด ยิ่งทำให้ปริมาณคอลลาเจนลดลงเร็วขึ้น นำมาสู่ความเสื่อมถอยของร่างกาย รวมถึงกระดูก เนื้อเยื่อและเส้นเอ็นบริเวณข้อเข่าด้วย นอกจากนั้นน้ำหนักตัวที่มากเกินไป, เคยมีประสบการณ์การกระแทก บาดเจ็บหรือติดเชื้อที่ข้อเข่าอย่างรุนแรง หรือมีความผิดปกติบริเวณกระดูกอ่อนผิวข้อ ก็ล้วนเร่งให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมได้เช่นกัน โดยปกติแล้วข้อเข่าเสื่อมมักพบในคนอายุมากขึ้น และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
✔️ปวดบวมบริเวณข้อ
✔️ช่วงเช้าๆ มักมีอาการข้อติดฝืดไม่เกิน 30 นาที
✔️ได้ยินเสียงกร๊อบแกร็บอะ ร่วมกับมีเข่าโก่ง
✔️เดินเหินไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิม ลุกยืนลำบาก
หากมีอาการแบบนี้เป็นสัญญาบ่งบอกว่า กำลังเข้าสู่ภาวะเข่าเสื่อม ควรพบแพทย์เป็นการด่วน
Fact 1: อาหารเสริมคอลลาเจนปัจจุบัน อยู่ในรูปคอลลาเจนที่ถูกทำให้มีขนาดเล็ก ไม่ได้เข้าไปทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป
คอลลาเจนในร่างกายถือเป็นโปรตีนอย่างหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิดต่อกันเป็นสายยาว ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งสายยาวๆเช่นนั้น แต่อาหารเสริมคอลลาเจนที่ขายในปัจจุบัน เป็นรูปของไฮโดรไลท์คอลลาเจน (hydrolayzed collagen) หรือคอลลาเจนที่ถูกทำให้มีขนาดเล็กแล้ว ไม่ใช่คอลลาเจนสายๆอย่างที่เข้าใจกัน ซึ่งทำให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า มีงานวิจัยพบว่าไฮโดรไลท์คอลลาเจนจะไปกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายอีกที หรือทำหน้าที่เหมือนโปรตีนอื่นๆทั่วไปช่วยเข้าไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อเยื่อบริเวณข้อเข่าหรือเนื้อเยื่ออื่นๆ ก็ได้ ซึ่งการกินคอลลาเจนแก้ปวดเข่า ปวดข้อตรงๆ จึงเป็นการเข้าใจผิด แต่อาหารเสริมคอลลาเจนจะสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนข้อเข่าที่ทำให้เราปวดได้นั่นเอง
Fact 2: ไม่มีงานวิจัยใดรับรองว่าข้อเข่าเสื่อมสามารถรักษาด้วยอาหารเสริมคอลลาเจน
หลายๆท่านเชื่อว่ากินคอลลาเจนแล้วช่วยลดปวดเข่า ลดอาการของข้อเข่าเสื่อม รู้สึกว่าอาการปวดดีขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัยหลายงานที่กล่าวว่าคอลลาเจนลดอาการปวดข้อเข่า บรรเทาอาการข้อเสื่อมได้ เพิ่มการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น แต่งานวิจัยหลายงานก็ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ มีผลการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กเกินไป และไม่มีกลุ่มควบคุมเปรียบเทียบในขั้นตอนการทดลองกับมนุษย์ จึงไม่สามาถยืนยันได้ว่าอาหารเสริมคอลลาเจนมีผลดีกับการรักษาข้อเสื่อม ทุกวันนี้ก็ไ่ม่มีงานวิจัยที่แนะนำว่าต้องทานเท่าไร ทานนานเท่าไร ถึงช่วยรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมได้ และก็ไม่มีการนำมาใช้ทางการรักษากับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม
Fact 3: USA ไม่ได้รับรองประสิทธิภาพกับความปลอดภัยของอาหารเสริมคอลลาเจน และไม่ได้มีกำหนดว่าควรได้รับปริมาณคอลลาเจนต่อวันเท่าไร
เห็นอาหารเสริมคอลลาเจนมากมายขนาดนี้ หลายแบรนด์ประโคมสรรพคุณกันมากมาย ยืนยันด้วยผลการวิจัยที่จากสถาบันต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าแม้แต่ อย.ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้รับรองประสิทธิภาพหรือความปลอดภัยของอาหารเสริมคอลลาเจนกับแบรนด์ที่นำออกจำหน่าย ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลงานวิจัยด้านประสิทธิภาพไม่เพียงพอ แต่แหล่งกำเนิดของคอลลาเจนว่าคอลลาเจนในอาหารเสริมสกัดมากจากไหนก็ไม่แน่ชัด เช่นเดียวกับอย.ไทย ไม่ได้กำหนดปริมาณคอลลาเจนที่ต้องได้รับต่อวันเหมือนเช่นวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ
ถึงแม้งานวิจัยเกี่ยวกับอาหารเสริมคอลลาเจนจะยังไม่เพียงพอ และยังมีส่วนขัดแย้งในหลายจุด แต่เจ้เชื่อว่าคงมีหลายคนชื่นชอบคอลลาเจน และมีความรู้สึกประทับใจใจผลลัพธ์จากการทานอาหารเสริมประเภทนี้ไปแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องตกใจ หรือเลิกทานอาหารเสริมคอลลาเจนไปเลย เจ้เพียงชี้แนะว่า ทุกวันนี้งานวิจัยมันยังไม่ครอบคลุมมากเพียงพอ ยังคงต้องการการพิสูจน์ที่เพิ่มขึ้นไปอีก เลยไม่ควรคาดหวังผลลัพธ์จากอาหารเสริมคอลลาเจนมากจนเกินไป แต่ไปควรหันไปดูแลข้อเข่าด้วยวิธีการอื่นๆควบคู่กันไปด้วย เช่นการได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งปลอดภัยกว่าการทานอาหารเสริม การหลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัด สูบบุหรี่จัด เครียดจัด นอนดึก เพื่อชะลอการทำลายคอลลาเจน
👩⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩⚕️
Reference
ความคิดเห็น