สรุปให้ความรู้ชะลอแก่และลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน 2023 ฉบับคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น

โดย Admin_ChoiceChecker01 08/03/2023

 

เจ้อยู่ญี่ปุ่นมาเกือบ 9 ปี อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่เหมือนไทยและประเทศไหนๆ ก็คือรายการทีวีของเขาไม่ใช่แค่มีแต่รายการกินเที่ยว สนุกสนานเฮฮา แต่รายการประเภทมีสาระ จัดหนักเอานักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมานั่งพูดคุยเจาะลึกเรื่องนั้นๆ กลับมีเยอะแยะมากมายมหาศาลเช่นเดียวกัน ราวกับว่ามาเรียนหนังสือหน้าจอทีวี ทั้งทำความเข้าใจร่างกายตัวเอง ทำความเข้าใจประเทศตนเองและประเทศคนอื่น อัพเดตสาระความรู้รอบตัว อย่างเป็นระบบและลึกซึ้ง เพราะแบบนี้เจ้เลยไม่แปลกว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีความรู้และความตระหนักรู้ในหลายๆเรื่องอย่างลึกซึ้งและมีวิธีดูแลตนเองอย่างถูกต้อง

 

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจกันเลย

 


 

แล้วก็ไม่แปลกใจว่าสิ่งของหลากหลายแบรนด์ที่ญี่ปุ่นก็เน้นการโฆษณาแบบเป็นเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์ เจ้เคยเห็นโฆษณาน้ำยาซักผ้าที่เขาเน้นจุดเด่นว่า “น้ำยาซักผ้าแบรนด์ของเขามีปริมาณ surfactant หรือสารชำระล้าง มากกว่าน้ำแน่นอน” ถ้าไม่รู้ว่าน้ำยาซักผ้ามีทั้งสารชำระล้างและน้ำ ก็คงไม่เข้าใจว่าโฆษณานี้จะสื่ออะไร! Advance จริงๆคนญี่ปุ่น

 

ที่นี้เปิดมาปีใหม่หลายช่องก็พยายามอัพเดตความรู้ใหม่ๆ และเจ้ก็ไปสะดุดตากับสองช่องที่เขาอัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับงานวิจัยชะลอแก่ และการลดน้ำหนักไว้ ซึ่งเจ้ขอนำมาสรุปไว้ โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ติดตาม Choicechecker เอาจริงๆเจ้ไม่ได้กลัวแก่และก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอายุยืนชิงแชมป์โลก แต่เจ้อยากมีสุขภาพที่แข็งแรงไปตลอด ไม่เป็นภาระให้กับคนรอบข้าง เช่นอยู่จนอายุ 60 ขวบ อยากมีเวลาสนุกสนานกับครอบครัว มากกว่าเข้าๆออกๆ โรงพยาบาล อยากจะกินอาหารอร่อยไปได้นานๆ แทนที่จะกินแต่ยา

 

เคล็ดลับการลดน้ำหนัก กินอย่างไง ก็ไม่อ้วน

ใครๆก็อยากกินแล้วไม่อ้วน จะได้กินได้มากเท่าที่ตามใจปรารถนา แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม กินนิดเดียว น้ำหนักก็ขึ้น แล้วเวลาเอาออกอยากเหลือเกิน (เข้าง่ายออกยาก) เศร้าใจจัง! รู้สึกอิจฉาเหลือเกินคนที่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน ไม่รู้เขามีเคล็ดลับอย่างไร หรือทำบุญมาด้วยอะไร โชคดียิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก แต่….เชื่อหรือไม่ว่าคนประเภทนี้มีจริงๆ แล้วเคล็ดลับของเขาคืออะไร? เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขา วันนี้เจ้จะเล่าให้ฟัง

 

เคล็ดลับของการกินยังไงก็ไม่อ้วนอยู่ที่พวกเราดูแลโพรไบโอติกส์ในลำไส้เราดีแค่ไหนนั่นเอง

 

บริเวณลำไส้ใหญ่ของเรามีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ ซึ่งเจ้าจุลินทรีย์เหล่านี้จะสร้างกรดไขมันชนิดหนึ่งที่เรียกว่า SCFAs หรือ short chain fatty acid ช่วยลดการอักเสบบริเวณลำไส้ เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ที่ผนังลำไส้ทำให้การดูดซึมไขมันแป้งได้ยากขึ้น และส่งสัญญาณบอกสมองว่ากระบวนทุกอย่างทำงานอย่างปกติดี ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น จึงช่วยลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆรวมถึงมะเร็งลำไส้ไปด้วย ดังนั้นหากดูแลรักษาให้เจ้าจุลินทรีย์เหล่านี้ให้ดี นอกจากทำให้ระบบขับถ่ายดีแล้ว ยังช่วยบล๊อกแป้ง บล๊อกไขมัน ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปอีกด้วย

 

วิธีการดูแลโพรไบโอติกส์ให้ได้ผล

  1. รับประทานอาหารที่มีกากใย เพื่อไปเป็นอาหารกับเหล่าจุลินทรีย์ เช่นหน่อไม้ฝรั่ง แอปเปิ้ล หัวหอม กล้วย กระเทียม
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีการเจือปนของยาฆ่าแมลง หรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายบริเวณทางเดินอาหารได้ง่าย
  3. ไม่ควรทานยาปฏิชีวนะ เกินความจำเป็น คนไทยทานยาปฏิชีวนะเยอะมาก นอกจากดื้อยาแล้วยังทำลายจุลินทรีย์ด้วย

 

ระบบทางเดินอาหารถือเป็นส่วนแรกที่สัมผัสกับสิ่งของจากภายนอกนั่นเอง ถ้าของที่เราทานเข้าไปไม่ดี นั่นหมายความว่า เร่งให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ก็จะส่งผลต่อสุขภาพในส่วนอื่นๆด้วย การเสริมสร้างให้ระบบจุลินทรีย์ในลำไส้แข็งแรงเป็นเรื่องที่สำคัญ

 

 

หมายเหตุ เจ้ไม่ได้บอกว่าคนรูปร่างอ้วนไม่ดีนะ ยุค 2023 แล้ว รูปร่างแบบไหนก็สวยได้ควรภูมิใจในตนเอง เจ้แค่เอามาเล่าเพราะมองว่าหากต้องการมีสุขภาพดีในระยะยาว ใช้ชีวิตได้เต็มที่ การป้องกันไม่ให้มีปัญหาโรคอ้วน คือปัจจัยหนึ่งที่ควรใส่ใจ แต่ถ้าไม่ซีเรียสกับตรงนั้นจะรูปร่างแบบไหนก็ไม่เป็นไร

 

เคล็ดลับย้อนวัยความอ่อนเยาว์ ทำไงให้ไม่แก่

ใครๆก็ไม่อยากแก่ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า แก่เฉพาะผิวพรรณ ยังหมายถึงแก่จากความเสื่อมของระบบอวัยวะต่างๆด้วย เช่นเจอกับโรคหัวใจ ไขมัน น้ำตาลสูง หูได้ยินไม่ชัด ตามองไม่เห็น สมองเริ่มจำไม่ได้ก่อนวัยอันควร แต่จะเป็นไปได้จริงๆไหมที่จะช่วยชะลอแก่ได้ คนเราจะยื้อได้เหรอ ล่าสุดมีงานวิจัยพบว่าที่ทางผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเอามาอัพเดตกัน

 

เคล็ดลับย้อนวัยความอ่อนเยาว์ อยู่ที่กลุ่มเอมไซม์โปรตีนในร่างกายที่ชื่อว่า Sirtuin (เซอร์ทูอิน)

 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าความแก่เกิดจากอะไร? ความรู้ที่พวกเราๆเข้าใจกันคือ ความแก่เกิดจากการได้รับอนุมูลอิสระ หรือเกิดการอักเสบขึ้นในร่างกาย โดยมีสาเหตุที่หลากหลายเช่นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม การได้รับรังสี UV ที่มากเกินไป หรือต้องเผชิญกับมลภาวะรอบตัว แต่นอกจากความเข้านี้แล้ว ความแก่ยังเกิดจากความผิดปกติของการทำงานของยีนที่ไม่ถูกที่และไม่ถูกเวลาอีกด้วย

 

ในทุกชนิดเซลล์ของมนุษย์ล้วนมียีนเป็นองค์ประกอบอยู่ และทุกชนิดเซลล์ของมนุษย์จะมีชุดยีนที่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าชุดยีนเหล่านี้จะทำงานในทุกเซลล์ของมนุษย์พร้อมกัน ร่างกายเราฉลาดมากค่ะ ในแต่ละเซลล์จะมีเพียงบางยีนเท่านั้นที่ถูกกำหนดให้ทำงานได้โดยยีนนั้นๆจะต้องเหมาะสมกับหน้าที่การทำงานเซลล์ชนิดนั้นๆ  ตัวอย่างเช่นเซลล์สมองกับเซลล์ผิวหนังมีชุดยีนเหมือนกันก็จริง แต่ที่เซลล์สมองชุดยีนที่เกี่ยวกับการทำงานของสมองเท่านั้นที่ถูกกำหนดไว้ให้ใช้งานได้ ชุดยีนที่เกี่ยวกับการสร้างเม็ดสีเลยถูกล๊อกปิดไว้ไม่ให้ใช้งาน เพราะฉะนั้นเซลล์สมองเลยสร้างเม็ดสีเมลานินไม่ได้ แต่จะไปทำหน้าที่อย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับสมองแทน

 

 

แต่พออายุเยอะขึ้นแล้ว การทำงานของชุดยีนในแต่ละเซลล์ก็จะงงๆ เบลอๆ ประมาณว่าไม่รู้ว่าเซลล์นี้ต้องกำหนดให้ยีนไหนทำงาน ลวนไปหมด นั่นเลยเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆที่พึงประสงค์  Sirtuin (เซอร์ทูอิน) พระเอกของพวกเราเป็นกลุ่มของโปรตีนเอมไซม์ มีบทบาทสำคัญโดยการปิดการแสดงออกของยีนถ้าอยู่ในเซลล์ที่ไม่เหมาะสม ผ่านกรรมวิธี 2 แบบได้แก่ Histone deacetylation หรือ DNA methylation ดังนั้น Sirtuin (เซอร์ทูอิน)  เลยเป็นเป้าหมายใหม่ และความหวังของวงการวิทยาศาสตร์ที่จะมาช่วยชะลอวัยและชะลอโรคให้กับมนุษย์

 

มีงานวิจัยเกี่ยวกับ  Sirtuin (เซอร์ทูอิน) ที่หลากหลายพบว่าช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ แก้ไขภาวะดื้ออินซูลิน (ภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อย) และชะลอโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น รวมถึงชะลอความเสื่อมที่เกิดกับหูและตาด้วย กล่าวง่ายๆคือ ช่วยยืดอายุมนุษย์ได้โดยการชะลอให้เกิดโรคภัยต่างๆช้าลง และนอกจาก Sirtuin ทำงานเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลยีนให้ทำหน้าที่ในบริเวณที่เหมาะสมแล้ว Sirtuin (เซอร์ทูอิน) ยังเกี่ยวข้องกับ กระบวนการเมตาบอลิซึม, การตอบสนองต่อภูมิต้านทาน กระบวนการแบ่งเซลล์ และการซ่อมแซม DNA ในร่างกายอีกด้วย Sirtuin (เซอร์ทูอิน) เลยถือเป็นกลุ่มโปรตีนที่ค่อนข้างสำคัญกับร่างกายเลยทีเดียว

 

อัพเดตล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเอามาเล่าให้ฟัง พฤติกรรมการกิน มีผลต่อการประสิทธิภาพการทำงานของ Sirtuin (เซอร์ทูอิน) ในปี 2009 ที่มหาวิทยาลัย Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยในลิงพบว่าหากสามารถจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ทานเข้าไปในแต่ละวันให้ลดลง 30% โดยสารอาหารที่ร่างกายต้องการแต่ละวันต้องได้รับครบอยู่ จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Sirtuin ทำให้สามารถยืดอายุได้ให้นานขึ้นอีก 20 ปี และลดโอกาสการเกิดโรคไขมัน มะเร็ง หัวใจ ชะลอความเสื่อมถอยของสมองได้ กล่าวง่ายๆคือต้องเลือกทานอาหารที่แคลอรี่น้อยแต่มีสารอาหารครบ ไม่ต้องทานจนอิ่มมากก็สามารถชะลอวัยและยืดอายุได้แล้ว นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นยังอัพเดตวัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Sirtuin  (เซอร์ทูอิน) ให้อีกด้วย วัตถุดิบที่ว่าได้แก่ ทับทิม (ทั้งทานเป็นผลสดหรือทานเป็นน้ำทับทิมก็ได้) ประกอบด้วยสารสำคัญ Ellagic acid และข้าวไรท์ ประกอบด้วยสารสำคัญ Alkylresorcinol ปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Sirtuin และลดอนุมูลอิสระในร่างกายได้อีกด้วย และรู้หรือไม่ว่า การที่ไม่ยอมออกกำลังกายหรือไม่แม้แต่พยายามขยับร่างกายก็ทำให้ปริมาณ Sirtuin  (เซอร์ทูอิน) ลดลงได้ นั่นหมายความเราจะแก่ง่ายขึ้นนั้นเอง

 

จบแล้วกับการอัพเดตสาระญี่ปุ่นของเหล่าอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นจากรายการ カズレザーと学ぶ เพื่อนๆก็ลองไปปรับใช้กันดูตามความเหมาะสม และในอนาคตถ้ามีการอัพเดตงานวิจัยอะไรเพิ่มเติม เจ้รับรองว่าจะไม่พลาดนำมาอัพเดตกันค่ะ

👩‍⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩‍⚕️


Reference

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น


Nutrition is a key
25/06/2023 23:54
ได้ความรู้ในการเลือกทานอาหารมากค่ะ
12/06/2023 01:26
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยค่ะ ดีจริงๆค่ะ
09/05/2023 02:31
ความรู้ที่มีประโยชน์มากเลยครับ
27/03/2023 20:49
กินผักและผลไม้เยอะ ๆ ช่วยลดได้มากเรื่องน้ำหนักเลย
24/03/2023 15:24
ได้เคล็ดลับเยอะเลยค่ะ ดีจริงๆ
16/03/2023 03:35
มาเก็บข้อมูลคับบ
15/03/2023 14:57
ข้อมูลมีประโยชน์มากจะนำไปใช้คะ
13/03/2023 20:15
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
12/03/2023 07:21
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆแบบนี้นะคะ
11/03/2023 17:16
ขอบคุณที่มาแชร์กันนะค้าา
09/03/2023 09:12
รีวิวดีมากค่ะ
09/03/2023 08:55