โพรไบโอติกส์คืออะไร? จุลินทรีย์สำคัญยังไง? ทำไมต้องตรวจ? รีวิวตรวจจุลินทรีย์ลำไส้แบบละเอียด

โดย Admin_ChoiceChecker02 19/02/2023

อย่างที่ ChoiceChecker เคยพูดอยู่เสมอๆ ถึงการมีจุลินทรีย์ที่สมดุลในลำไส้ สามารถช่วยให้สุขภาพร่างกาย และสุขภาพผิวพรรณเราดีตามไปด้วย ซึ่งผักบุ้งก็พยายามดูแลตัวเอง กินอาหารที่ดีกับจุลินทรีย์ในลำไส้อยู่เสมอ จนได้มารู้จักกับแพ็คเกจตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ (พิกัดที่นี่) ก็ยิ่งรู้สึกว้าว จุดนี้ความสงสัยว่าไอ้ที่เรากินๆ บำรุงเข้าไปเนี่ย จะช่วยให้น้องสมดุลได้จริง สุขภาพดีจริงแค่ไหน ผักบุ้งก็เลยตัดสินใจตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ของตัวเองแบบละเอียดซะเลย ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก เลยอยากมาแชร์รีวิวให้เพื่อนๆ ทุกคนค่ะ

 

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย

 


 

จุลินทรีย์สำคัญยังไง โพรไบโอติกส์คืออะไร?

ก่อนอื่นมาเข้าใจก่อนว่า “จุลินทรีย์” มีอยู่ในทุกส่วนของร่างกายเราเลย ไม่เฉพาะแค่ลำไส้นะ ในร่างกายมนุษย์เราประกอบด้วยเซลล์ก็จริง แต่เซลล์ที่มีจำนวนมากกว่าเซลล์ร่างกายของเรา จริงๆแล้ว คือเจ้าเซลล์ของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในส่วนต่างๆในร่างกาย

 

ซึ่งจุลินทรีย์ประกอบไปด้วย แบคทีเรีย (Bacteria), ไวรัส (Viruses), เชื้อรา (Fungi), ปรสิต (Parasites) โดยอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน (Symbiosis) ความสำคัญของจุลินทรีย์คือ จุลินทรีย์นั้นสัมพันธ์กับระบบต่างๆของร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย โดยนักวิทยาศาสตร์ศึกษารหัสพันธุ์กรรมของจุลินทรีย์ เพื่อบ่งบอกชนิดและจำนวน ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาสุขภาพ การทำนายโรค การเลือกวิธีรักษา รวมถึงการป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ตัวอย่างประโยชน์ของจุลินทรีย์ในร่างกาย 

✔️กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

✔️เสริมสร้างการทำงานของระบบลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น

✔️ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียไม่ดี

✔️ช่วยผลิตวิตามินในร่างกายของเราเช่น วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 วิตามินอี วิตามินเค

 

จุลินทรีย์ในร่างกายเรามี 2 ชนิด

1.จุลินทรีย์ชนิดดี เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “โพรไบโอติกส์”

2.จุลินทรีย์ชนิดไม่ดี เป็นจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคได้โดยการสร้างสารพิษในร่างกาย

 

หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ เราควรให้ความสำคัญกับ “ความสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย” เพราะเมื่อไหร่ที่น้องเกิดความไม่สมดุลขึ้น ก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย แม้ว่าจุลินทรีย์จะมีอยู่ทั่วร่างกาย กระจายอยู่ทุกระบบอวัยวะ แต่บอกเลยว่าแค่จุลินทรีย์ในลำไส้ก็สามารถมีได้มากถึง 100 ล้านล้านตัวเลยนะ น้องทำหน้าที่คอยช่วยย่อยอาหาร ช่วยดูดซึมวิตามินและสารอาหาร คอยป้องกันแบคทีเรียแปลกปลอมที่แฝงตัวมากับอาหาร และกระตุ้นให้การขับถ่ายเราเป็นปกติ พอน้องสำคัญขนาดนี้ การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

 

ทำไมต้องตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้

 

จุลินทรีย์สำคัญอย่างไร

 

เริ่มจากที่ผักบุ้งสนใจเริ่มให้ความสำคัญของจุลินทรีย์ พยายามกินโพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ดูแลสมดุลลำไส้ แต่แค่ดูแลเฉยๆ ก็เริ่มสงสัยว่าตกลงสุขภาพน้องดีอยู่จริงๆ มั้ย หรือเราควรเสริมอะไรเพิ่มเติมให้น้องแข็งแรงขึ้น ผักบุ้งก็เลยมีความสนใจอยากตรวจจุลินทรีย์ของตัวเองดูบ้าง อยากรู้ว่าอาหารที่เราทานอยู่เพียงพอมั้ย ต้องทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์อะไรบ้างหรือเปล่า เพราะอีกอย่างคือผักบุ้งจะมีอาการท้องเสียง่าย หรือปวดท้อง เสียดท้องค่อนข้างบ่อยเลยค่ะ แบบว่าถ้าไปตจว.นี่ต้องพกชุดยาดูแลเรื่องท้องเสียไปตลอด ถ้าให้เล่าเรื่องประสบการณ์ท้องเสียนี้ยาวแน่ แงงง แล้วทุกครั้งที่ไม่ได้พกไป ก็มักจะงานเข้าทุกที งงมาก - -!

 

ผักบุ้งหาแพ็คเกจตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งส่วนมากก็ต้องไปตรวจที่รพ. ต้องนัดล่วงหน้า รอผลนาน ราคาหลากหลาย ถ้าราคาถูกหน่อยก็ตรวจได้น้อย ถ้าอยากตรวจเยอะก็ราคาแรงนิดนึง หาไปเรื่อยๆ จนมาเจอแพ็คเกจตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ของ BioMed แล้วรู้สึกว่าตอบโจทย์ชีวิตที่สุด เพราะไม่ต้องรอคิว ตรวจตอนไหนก็ได้ สะดวกมาก แล้วรอผลไม่นาน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ราคาสมเหตุสมผล (แอบบอกว่าอาจจะดูราคาแรง แต่ตรวจได้เยอะมากกก เซอร์วิสดีมาก)

 

และที่น่าสนใจมากๆเลยคือ BioMed เค้าใช้ระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในร่างกายมาวิเคราะห์ร่วมกับสาเหตุของโรค ที่มีจุดเริ่มต้นจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ หรือพูดง่ายๆ ว่าการตรวจความสมดุลของจุลินทรีย์ แล้ว เค้ายังช่วยประเมินความเสี่ยงอาการป่วย หรือโรคต่างๆได้ด้วย ซึ่งมันดีมากเพราะเราจะได้ไปปรับการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้นค่ะ

 

รีวิวชุดตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ BioMed Total Body and Mind

ชุดตรวจที่ผักบุ้งตรวจจะเป็นแบบ BioMed Total Body and Mind เป็นแบบแพ็คเกจใหญ่ ตรวจทั้งทีขอตรวจแบบจัดเต็มไปเลยค่ะ ชุดตรวจจะมาเป็นกล่องสีเขียว เปิดเข้าไปจะมี ชุดเก็บตัวอย่างส่งตรวจ หลอดเก็บสิ่งส่งตรวจ และด้านในกล่องจะมีวิธีการเก็บตัวอย่างมาให้อย่างละเอียด ทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ

ในกล่องจะประกอบด้วย

  1. ชุดตรวจ
  2. ชุดเก็บตัวอย่าง
  3. คู่มือการตรวจ
  4. ฟอร์มเอกสารให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
  5. ชุดส่งตัวอย่างกลับไปตรวจวิเคราะห์ (น้องจะถูกส่งไปถึงฮ่องกงเลย)
     

ชุดตรวจจุลินทรีย์

 

ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างไม่ยากเลย แค่เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมก็ทำได้ทุกเมื่อ ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งตอบโจทย์มาก เพราะเราตรวจที่ไหนก็ได้แค่เราพร้อม ไม่ต้องนัดหมอหรือรอต่อคิวกันนานๆ  แต่ต้องเข้าใจวิธีเก็บตัวอย่างให้ละเอียดนะ จะได้ทำตามขั้นตอนแล้วไม่สะดุด ซึ่งทาง BioMed เค้ามีคลิป VDO ให้ดูด้วย ช่วยให้เห็นภาพ เข้าใจง่ายขึ้นมาก

 

หลังจากเก็บตัวอย่างเรียบร้อยแล้วก็ทำการส่งไปที่ BioMed ประเทศไทย โดยเราต้องแยกชุดเก็บตัวอย่าง กับเอกสารที่เรากรอกข้อมูลของเรา เป็น 2 อย่างออกจากกันแบบชัดเจน และใส่ลงไปในกล่องเดียวกัน เพราะทาง BioMed ประเทศไทย จะทำการส่งชุดเก็บตัวอย่างของเราไปวิเคราะห์ที่ Hong Kong Science Park ประเทศฮ่องกง หลังจากนั้นก็รอรับผลตรวจทางอีเมลล์แบบไม่นานเกินรอ แค่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากตัวอย่างถึง Hong Kong Science Park อีเมล์ผลตรวจก็จะเข้ามาที่เราค่ะ

 

ผลตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ จากชุดตรวจ BioMed Total Body and Mind

หลังจากส่งชุดตรวจไป คือเอาจริงๆรอไม่ถึง 2 สัปดาห์นะ ประมาณ 10 วันก็ได้รับผลตรวจทางอีเมลล์เรียบร้อยค่า ตอนเปิดดูลุ้นมาก เพราะเค้ามีเยอะ หลายหน้าและอธิบายมาละเอียดมากกก ผลตรวจเค้ามีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยนะคะ อธิบายละเอียด แบ่งเป็นหมวดหมู่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งให้ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับจุลินทรีย์และคำแนะนำต่างๆ ผักบุ้งจะขอยกส่วนที่เป็นหมวดผลตรวจมาให้ดูนะคะ เพราะว่าค่อนข้างละเอียดเลย โดยเค้าจะแบ่งเป็น

 

ผลตรวจจุลินทรีย์

โพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์

 

  • จุลินทรีย์ตัวหลักจุลินทรีย์ตัวหลักที่วิเคราะห์มีถึง 6 สายพันธุ์ หน่วยเป็น CT Value นะคะ
  1. Akkermansia muciniphila
  2. Alistipes putredinis
  3. Bacteroides genus
  4. Bacteroides fragilis
  5. Faecalibacterium prausnitzii
  6. Roseburia hominis
  • จุลินทรีย์ชนิดไม่ดี วิเคราะห์ 5 สายพันธุ์
  1. Bacillus
  2. Candida albicans
  3. Clostridium difficile
  4. Escherichia coli
  5. Staphylococcus aureus
  • โพรไบโอติกส์ ซึ่งโพรไบโอติกส์ที่ทาง Biomed ตรวจมีทั้งหมด 12 สายพันธุ์ แบบจุกๆ
  1. Bifidobacterium bifidum
  2. Bifidobacterium breve
  3. Bifidobacterium lactis
  4. Bifidobacterium longum
  5. Lactobacillus acidophilus
  6. Lactobacillus gasseri
  7. Lactobacillus helveticus
  8. Lactobacillus paracasei
  9. Lactobacillus plantarum
  10. Lactobacillus reuteri
  11. Lactobacillus rhamnosus
  12. Streptococcus thermophilus

 

  • ประเมินสภาวะความสมดุลจุลินทรีย์ของเรา

 

ชุดตรวจจุลินทรีย์

 

ประเมินความเสี่ยงการเกิดโรค

  • กลุ่มโรคภูมิแพ้
  • กลุ่มโรคอ้วน และการเผาผลาญบกพร่อง
  • กลุ่มโรคทางลําไส้
  • กลุ่มโรคทางสมอง และจิตใจ

 

คําแนะนําการดูแลสุขภาพจุลินทรีย์ในลําไส้ โดยสรุป ผลตรวจของผักบุ้งโดยภาพรวมจากที่ดูจะผลเองคร่าวๆ อยู่ในเกณฑ์ดีนะ แอบดีใจนิดนึง เพราะคุ้มกับการคอยดูแลน้องมาแบบสุดๆ แต่ก็จะมีความเสี่ยงในโรคลำไส้อักเสบ เพราะมีจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีเยอะไปหน่อย แงงง แต่การตรวจแพ็คเกจยังไม่จบแค่นี้นะคะ เค้าไม่ได้ปล่อยให้เราอ่านผลตรวจเอง ตีความเอง เพราะหลังจากเราได้รับผลตรวจแล้ว เรายังสามารถนัดฟังผลกับคุณหมอได้ด้วย สามารถปรึกษาส่วนที่สงสัย หรือถามนู่นนี่ได้เต็มที่เลย โดยเป็นการพูดคุยผ่าน VDO call สะดวกมากก เพราะเลือกวันและเวลาได้เองเลยค่ะ การทำนัดก็เพียงแค่ Add Line ทางแอดมินจะช่วยประสานงานให้แบบสะดวกและรวดเร็วมาก ตรงนี้ให้ 10/10 เลย

 

รีวิวการฟังผลการตรวจจากคุณหมอ

หลังจากแอดมินช่วยนัดคุณหมอให้ผักบุ้งภายในวันที่ทักไปเลย เร็วทันใจสุดๆ คุยกับคุณหมอผ่าน VDO Call โดยคุณหมอก็จะอธิบายผลตรวจทั้งหมดให้เราเข้าใจมากขึ้น ว่าผลจุลินทรีย์แต่ละกลุ่มสำคัญกับระบบร่างกายยังไง แล้วผลของเราเป็นยังไง ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ

 

โพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์

 

  • จุลินทรีย์ตัวหลัก (Core Bacteria) เป็นประชากรหลัก มีจำนวนเยอะ ร่างกายก็แฮปปี้ แต่จะมี Bacteroides fragilis ที่คนเอเชียส่วนมากจะขาดเจ้าตัวนี้ ของผักบุ้งเองก็มีน้อยเหมือนกันค่ะ
  • จุลินทรีย์ชนิดไม่ดี (Harmful bacteria) ได้มาจากอาหารที่เราทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรค

ของผักบุ้งมี Escherichia coli และ Staphylococcus aureus ค่อนข้าง ก็เลยเสี่ยงในเรื่องโรคลำไส้อักเสบ ในส่วนตรวจนี้คุณหมอก็อธิบายว่า ความจริงแล้วร่างกายสามารถกำจัดได้เอง เพราะร่างกายจะมีภูมิต้านทานในระดับนึง

  • โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน สร้างความสมดุล แข็งแรงของลำไส้ ผลของผักบุ้งก็หลายตัวที่ต่ำ แต่ Balance โดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

 

คุณหมอให้คำแนะนำว่า เราสามารถเลือกได้ว่าสนใจอยากทานอาหารเสริมแบบไหน ซึ่งจริงๆแล้ว  BioMed เค้ามีอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ให้เลือกหลายแบบ คุณหมอก็ยกตัวอย่างเช่น อาหารเสริมแบบ Personalized คือคุณหมอจะสั่งจ่ายอาหารเสริมที่ Custom เฉพาะตัวเรา จะเป็นโพรไบโอติกส์ชนิดและปริมาณที่เราขาด ให้ทานต่อเนื่อง 3 เดือน หรืออาหารเสริมแบบคัดเลือกเฉพาะสายพันธุ์ที่คนไทยมักขาด

 

ตรงนี้ผักบุ้งก็ถามคุณหมอนะว่าผลตรวจของผักบุ้งสามารถรับประทานอาหารกลุ่มที่มีโพรไบโอติกส์ตัวที่เราขาดเองได้มั้ย แบบไม่ทานอาหารเสริมได้มั้ยคะ คุณหมอก็แนะนำว่า สำหรับอายุของผักบุ้ง ยังสามารถทานในรูปแบบอาหารที่โพรไบโอติกส์เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ มิโซะ ฯลฯ ได้อยู่  อ่านเพิ่มเติมที่นี่ แต่ก็อาจจะไม่ได้เติมโปรไบโอติกส์ที่ขาดได้ทุกตัวนะ ซึ่งในช่วงอายุ 30-40 ปี อาจจะยังไม่ส่งผลแบบเห็นได้ชัด ถ้าหากอายุเยอะกว่านี้การเสียสมดุลจุลินทรีย์ จะมีอาการที่ชัดเจน ทางที่ดี ถ้ารู้ว่าตัวเองขาดโพรไอโอติกส์ตัวไหนจากผลการตรวจแล้ว ก็ควรเติมตั้งแต่เนิ่นๆก่อนจะมีอาการเสี่ยงอย่างอื่นตามมาดีกว่า

 

ส่วนเรื่องที่ผักบุ้งกังวลอย่างอาการท้องเสียง่าย คุณหมอก็แนะนำให้เลี่ยงอาหารที่จะเป็นต้นตอของจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี และต้องปรับสมดุลของโพรไบโอติกส์ให้บาลานซ์ เพื่อเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น และให้เหล่าโพรไบโอติกส์ไปช่วยจุลินทรีย์ชนิดดี จัดการกับจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี

 

และผักบุ้งก็มีถามคุณหมอต่อว่า จริงๆ แล้วการตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ ซึ่งคุณหมอก็อธิบายว่าถ้าตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ ตอน 30-40 แบบผักบุ้งก็จะเป็นการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยง เพื่อจะได้ปรับการทานอาหารและไลฟ์สไตล์เพื่อช่วยเสริมให้จุลินทรีย์เค้าแข็งแรงมากขึ้น แต่ใครที่อายุ 40+ ไปแล้ว อันนี้ยิ่งแนะนำให้ตรวจเลยค่ะ เพราะนอกจากจะประเมินความเสี่ยงแล้ว ในช่วงอายุนี้จะมีความเสี่ยงพบความไม่สมดุลของลำไส้ได้สูง ซึ่งจะได้เป็นการช่วยจัดการปัญหาต่างๆ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

 

โพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์

 

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะมีคำถามว่า ถ้าสนใจอยากจะตรวจ มีค่าใช้จ่ายยังไงบ้าง

ชุดตรวจแบบที่ผักบุ้งตรวจเป็น BioMed Total Body and Mind เป็นแพ็คเกจจัดเต็มเลย จะเป็นการตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ และการประเมินผลว่าจะนำไปสู่ความเสี่ยงในกลุ่มโรคใดได้บ้าง ซึ่งเหมาะกับ คนที่ต้องการหาความเสี่ยงหรือสาเหตุของโรคที่เกิดจากจุลินทรีย์ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 19,950 บาท แต่เราได้ตรวจครบทุกเรื่อง ประเมินครบทุกกลุ่มโรคเลย

แต่ถ้าใครสนใจอยากตรวจแค่จุลินทรีย์ในลำไส้ แบบเฉพาะแค่เรื่องที่กังวล ผักบุ้งไปหาข้อมูลมาเค้าก็มีแพ็คเกจ BioMed Gut Microbiome DNA Test ซึ่งจะมีให้เลือกตรวจ 4 แบบ มาสามารถแยกตรวจเฉพาะเรื่องที่กังวลได้เลย ก็คือ

  1. Allergy and Skin Care เหมาะกับ คนที่มีปัญหาภูมิแพ้ หรือกังวลเรื่องผิว
  2. Colon Care  เหมาะกับ คนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย การแพ้อาหาร

  3. Gut Toxin Relieve เหมาะกับ คนที่มีปัญหาท้องผูก ท้องเสียอยู่บ่อยๆ

  4. Metabolic Balance เหมาะกับ คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือ ชอบทานอาหารหวาน มัน เนื้อแดง อาหารแปรรูป แอลกอฮอลล์ บ่อย

สิ่งที่จะได้รับ

  • ผลตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้
  • ฟังผลจากคุณหมอ พร้อมรับคำปรึกษา 20 นาที ทางออนไลน์ (เหมือนกับแพ็คเกจสองหมื่นเลย)

ราคา: 7,299 บาท 

ทางไปช้อป: คลิกที่นี่

 

และอีกแพ็คเกจที่ผักบุ้งอ่านดูแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ อยากป้ายยาเพื่อนๆ เพราะแพ็คเกจนี้เค้าครอบคลุมทั้งการตรวจจุลินทรีย์และอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญชุดใหญ่เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองนะ ก็คือ BioMed Personalized Total Body & Mind Care เป็นแพคเกจรวมชุดตรวจกับอาหารเสริม Probiotics โดยเป็นการตรวจจุลินทรีย์อย่างละเอียดตามที่ผักบุ้งเล่าไป และรับการสั่งจ่ายอาหารเสริมโพรไบโอติกส์แบบเฉพาะบุคคลโดยแพทย์ เติมในส่วนที่เราขาด ปรับให้ตามผลตรวจของเราเลย

เหมาะกับกับใคร: คนที่ต้องการหาความเสี่ยงหรือสาเหตุของโรคที่เกิดจากจุลินทรีย์ และต้องการอาหารเสริมโพรไบโอติกส์เพื่อดูแลสุขภาพอีกต่อ

สิ่งที่จะได้รับ

  • ผลตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้
  • อาหารเสริม Probiotics ที่คิดมาเฉพาะบุคคล
  • แพทย์ประจำตัวท่าน ปรึกษา Online ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

ราคา: แพ็คเกจ Probiotics 3 เดือน จะอยู่ที่ 32,990 บาท

ทางไปช้อป: คลิกที่นี่

สุดท้ายนี้ ขอย้ำกันอีกรอบว่าสุขภาพจุลินทรีย์ในลำไส้ก็เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ นอกจากการดูแลด้วยการกินอาหารที่ดี ช่วยส่งเสริมให้น้องสมดุดี แข็งแรงเสมอ การตรวจสุขภาพจุลินทรีย์ในลำไส้ ก็เป็นอีกเรื่องที่สามารถช่วยให้เราปรับวิธีการดูแลน้องๆ ให้ดีขึ้นได้เช่นกันน๊าา ใครดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยวิธีไหน หรือใครแอบตามไปตรวจแล้ว อย่าลืมมาคอมเมนต์เล่าให้ฟังบ้างนะคะ

 


Reference

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น


น่าสนใจมากๆเลย
26/02/2024 13:33
เข้าใจเลยค่ะ
09/12/2023 23:01
ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ
13/11/2023 07:34
ขอบคุณที่แชร์ข้อมูลค่ะ
17/08/2023 21:26
ความรู้ใหม่เลยนะคะเนี่ย
26/07/2023 23:16
น่ากินมากกกกกกกก
08/07/2023 17:13
พึ่งว่ามีการตรวจจุลินทรีย์กันด้วย
21/03/2023 19:58
ถ้าเราตรวจเราก็จะได้รู้วิธีดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้นคะ
13/03/2023 13:36
พึ่งเคยรู้ว่ามีการตรวจจุลินทรีย์ด้วยนะคะ
21/02/2023 20:25
ดีมากค่ะ อยากได้มาตรวจบ้างเลย
21/02/2023 08:51

ลองดูนะคะ เรามองว่าจุดเริ่มต้นของสุขภาพดีทุกอย่าง คือลำไส้ค่า การตรวจน่าจะเป็นประโยชน์มากเลย
21/02/2023 18:40
น่าสนใจมากเลยค่ะ ครบจบในที่เดียวเลยค่ะ
20/02/2023 07:10
น่าสนใจเลยค่า ปกติบลูจะเห็นเป็นตรวจพวกdna ขอบคุณที่มาแชร์กันนะคะ
19/02/2023 23:14