10 ข้อที่คุณอาจไม่เคยรู้! เกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ รีวิวอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ ส่วนผสมสุดปัง ที่ออกแบบมาเพื่อคนไทย

โดย Admin_ChoiceChecker01 27/02/2023

 

สืบเนื่องมาจากคอนเทนต์ที่แล้ว ผักบุ้งได้ทดลองซื้อชุดตรวจจุลินทรีย์เฉพาะบุคคล BioMed มาทดสอบ เพื่อเป็นการตรวจสุขภาพระบบนิเวศจุลินทรีย์ประจำปี อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าพวกเรา Choicechecker ให้ความสำคัญกับโพรไบโอติกส์ในร่างกายมาก เพราะมันจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพผิว สุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี นั่นเป็นเหตุทำให้เราเริ่มสนใจการตรวจสุขภาพระบบจุลินทรีย์ และก็ทำให้เราได้รับโอกาสดีๆจาก BioMed อีกรอบ ด้วยการที่ทางแบรนด์ส่งโพรดักมาให้น้องผักบุ้งได้ทานดูแลระบบจุลินทรีย์กันไปยาวๆ และอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ BioMed ตัวนี้ น้องเค้าเป็นอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ส่วนผสมโดดเด่นและน่าสนใจมากๆจน Choicechecker ต้องรีบทำคอนเทนต์เพื่อมาแนะนำต่อ

 

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจกันเลย

 


 

ก่อนอื่นเจ้ขออธิบายว่าการตรวจจุลินทรีย์เฉพาะบุคคลมีมานานแล้วในต่างประเทศ คล้ายๆว่าเป็นการตรวจเช็คอัพสุขภาพร่างกาย นั่นจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ และ BioMed เขาเป็นบริษัทของฮ่องกงที่น่าเชื่อถือระดับโลก ที่ก่อตั้งโดยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด และสะสมฐานข้อมูลเกี่ยวกับด้านจุลินทรีย์ของคนไทยกว่า 20 ปี ที่สำคัญยังดูแลโดย Hong Kong Science and Technology Park สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยด้วย

 

BioMed เค้าเลยเป็นผู้ให้บริการเจ้าแรกในเอเชีย ที่ให้บริการแบบจบที่เดียวตั้งแต่การตรวจจุลินทรีย์ หาความเสี่ยงและสาเหตุของโรคที่มีจุดเริ่มต้นจากจุลินทรีย์ที่เสียสมดุล ไปจนถึงการสั่งจ่ายโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคลอ้างอิงตามผลตรวจโดยแพทย์ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าเราจะได้รับโพรไบโอติกส์ที่ตรงจุด ถูกใจร่างกายของเราแน่นอน ข้อมูลเค้าแน่น แบ็คกราวน์เค้าคุณภาพขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในเครือโรงพยาบาลดังๆ เช่น พระราม 9 ปิยะเวท บำรุงราษฎร์มีการแนะนำ BioMed ในการดูแลสุขภาพให้กับคนไข้

 

แต่ที่ปังที่สุดคือ ตอนนี้ BioMed มีชุดตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยตัวเอง ที่สามารถตรวจเองง่ายๆจากที่บ้าน พร้อมแพ็คเกจปรึกษาแพทย์บริการจัดอาหารเสริมโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคลออนไลน์ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล เลยสะดวกสบายมาก Choicechecker ไม่พลาดที่จะไปซื้อชุดตรวจมาลอง ใครสนใจก็สามารถตามไปอ่านโพสต์รีวิวการตรวจของน้องผักบุ้งได้ที่นี่ link และถ้าใครไม่ไหวเรื่องราคา ตอนนี้ BioMed เค้าก็มีจำหน่ายอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่เป็นสูตรคิดค้นให้เหมาะสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ เป็นสูตรอาหารเสริมได้มากจากฐานข้อมูลการเก็บตัวอย่างจุลินทรีย์คนไทยจริงๆ จึงทราบว่าสายพันธุ์ไหนคนไทยขาดมากที่สุด  มาในราคาที่เข้าถึงได้ เจ้มิ้นยืนยันว่าอาหารเสริมเจ้านี้เป็นอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่คุ้มสุดเท่าที่เคยทานมาเลย

 

10 ข้อที่คุณอาจไม่เคยรู้! เกี่ยวกับโพรไบโอติกส์

 

สรุปให้ 10 ข้อ เกี่ยวกับจุลินทรีย์และโพรไบโอติกส์ ทำไมสำคัญกับร่างกาย!

1. เหล่าจุลินทรีย์อาศัยอยู่หลากหลายบริเวณของร่างกายมนุษย์ได้แก่ลำไส้ใหญ่ ปาก ช่องคลอด กระเพาะปัสสาวะ ผิวหนัง ปอด

2. จุลินทรีย์ในร่างกายมีเป็นล้านล้านชนิด ซึ่งประกอบด้วยแบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว ไวรัส

3. จุลินทรีย์ในร่างกายมีทั้งจุลินทรีย์ชนิดดี และไม่ดี จุลินทรีย์ชนิดดีเรียกว่า “โพรไบโอติกส์” ซึ่งเกิดเองโดยธรรมชาติ

4. ในแต่ละวันระบบทางเดินอาหารถือเป็นอวัยวะส่วนแรกที่สัมผัสกับสิ่งภายนอกนั่นคืออาหาร ดังนั้นจุลินทรีย์ชนิดดีๆหรือความสมดุลของระบบนิเวศบริเวณนี้มีโอกาสถูกทำร้ายมากที่สุดเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น

5. คนเราหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ชนิดและปริมาณของจุลินทรีย์ก็ไม่เหมือนกัน

6. ยาปฏิชีวนะและยาบางชนิด ของหวาน อาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป ความเครียด ยาฆ่าแมลงเป็นต้น ทำลายความสมดุลของระบบจุลินทรีย์ในลำไส้

7. ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีๆยิ่งลดลง โอกาสเกิดโรคเลยเพิ่มขึ้น

8. เมื่อเสียสมดุลจุลินทรีย์ หมายความว่า มีปริมาณจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีมากเกินไป หรือชนิดดีลดน้อยเกินไป

9. จุลินทรีย์ชนิดดี หรือที่เรียกว่าโพรไบโอติกส์* แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Lactobacillus และ Bifidobacterium ซึ่งใน 2 กลุ่มใหญ่นี้ยังแบ่งออกเป็นชนิดย่อยๆอีกหลายชนิด

10. เมื่อเสียสมดุลจุลินทรีย์ ตัวอย่างโรคที่ตามมาได้แก่ ภูมิแพ้ ท้องผูก ท้องเสียต่อเนื่อง อ้วน ไขมันพอกตับ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ โรคหลอดเลือดและหัวใจ เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็ง ความจำเสื่อม

 

10 ข้อที่คุณอาจไม่เคยรู้! เกี่ยวกับโพรไบโอติกส์

 

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ดี ควรเป็นอย่างไร?

1. มีชนิดของจุลินทรีย์ที่คนไทยส่วนใหญ่ขาด

จริงๆแล้วชนิดของจุลินทรีย์ที่แต่ละคนขาดไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับกรรมพันธ์ุ เพศ ถิ่นที่อยู่ แต่จากสถิติของBioMedแล้ว ชนิดของจุลินทรีย์ที่คนไทยมักขาด ได้แก่ LGG, B. lactis, L. paracasei, B. breve,L. Acidophilus, B. bifidum, B.longum, L. gasseri เป็นต้น ดังนั้นใช่ว่าอาหารเสริมโพรไบโอติกส์หลายยี่ห้อที่รู้จักกัน จะใส่โพรไบโอติกส์เหล่านี้ทุกชนิดมาครบ บางยี่ห้อก็ใส่แค่ไม่กี่ชนิด เลยไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมกินแล้วไม่ค่อยได้ผล เพราะชนิดที่เราขาดเขาไม่ได้ใส่

 

2. มีพรีไบโอติกส์

จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตก็จะต้องมีอาหารให้จุลินทรีย์เหล่านั้นมากเพียงพอเพื่อให้เจริญเติบโตได้ น้องเค้าก็ต้องกินอาหารเช่นกัน อาหารของโพรไบโอติกส์เรียกว่า พรีไบโอติกส์ แต่อาหารเสริมหลายยี่ห้อก็ใส่มาบ้างไม่ใส่บ้าง หรือใส่มาก็ไม่กี่ชนิด นั่นก็ทำให้กินแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผล เพราะโพรไบโอติกส์เองก็ไม่สามารถอยู่ได้ถ้าร่างกายเราไม่มี พรีไบโอติกส์ที่เป็นอาหารของเค้าอย่างเพียงพอ ตัวอย่างพรีไบโอติกส์ยอดนิยม inulin, Fructooligosaccharides (FOS) ,Galacto-oligosaccharides (GOS)

 

3. มีปริมาณและอัตราส่วนผสมที่เหมาะสม

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ก็เหมือนการปรุงอาหารไม่ใช่ว่าอยากใส่อะไรก็ใส่ แต่ต้องคำนึงด้วยว่าจะใส่อะไรคู่กับอะไร และใส่ในปริมาณเท่าไร ไม่ใช่ให้รสชาติอร่อย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และปริมาณโพรไบโอติกส์ที่เหมาะสมต่อวัน 10-20  billion CFU เพียงพอที่จะซัพพอร์ตให้สร้างระบบนิเวศของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

 

พอเข้าใจแบบนี้แล้ว Choicechecker ขอแนะนำอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ BioMed Pro 8X3  ที่เจ้กล้าคอนเฟิร์มเลยว่าควรทาน เพราะเป็นอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ครบถ้วนที่สุดแล้ว ณ ตลาดตอนนี้ และหากยิ่งมีกำลังทรัพย์มากเพียงพอก็แนะนำเทสการทดสอบจุลินทรีย์และอาหารเสริมโพรไบโอติกส์แบบเฉพาะบุคคลของ BioMed ยิ่งเห็นผลดีขึ้นไปอีก เพราะจริงๆแล้วแต่ละคนมีชนิดของจุลินทรีย์ที่ขาดไม่เหมือนกัน ลองไปดูที่ คลิกที่นี่

 

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์

 

แนะนำอาหารเสริม BioMed Pro 8X3 สำหรับ 30 วัน ซองละ 2 มก.

  • มีชนิดของโพรไบโอติกส์ 8 ชนิดที่คนไทยมีโอกาสขาดมากที่สุด ได้แก่ LGG, B. lactis, L. paracasei, B. breve,L. Acidophilus, B. bifidum, B.longum, L. gasseri
  • มีพรีไบโอติกต์หรืออาหารของเลี้ยงโพรไบโอติกส์ 3 ชนิด ได้แก่ inulin, FOS, GOS
  • มีปริมาณโพรไบโอติกส์จำนวน 335 มก. คิดเป็นราวๆ 10 billion CFU มากพอที่จะซัพพอร์ตระบบนิเวศของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
  • มีปริมาณและอัตราส่วนของโพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ที่เหมาะสม
  • ปราศจากนม
  • ปราศจากแลคโตส
  • ปราศจากกลูเตน
  • ไม่มีน้ำตาล

 

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์

 

เหมาะกับใครบ้าง?

ขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแบบเข้าใจง่ายๆ คือ

1. เหมาะสมมากที่สุด เพราะมีโอกาสเห็นผลชัดเจนที่สุด

✔️ทุกคนที่อยากมีสุขภาพดีระยะยาว คนทานวีแกนก็ทานได้

✔️เป็นสิวบ่อย ไม่หลุดจากวงจรสิวสักที โดยเฉพาะสิวอักเสบ

✔️มีอาการแพ้บ่อย มีผื่นแพ้ผิวหนัง

✔️มีอาการลำไส้แปรปรวน ปวดท้องร่วมกับมีอาการท้องเสียหรือท้องผูก หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก

✔️มีอาการขับถ่ายไม่ปกติ ท้องผูก หรือท้องเสียบ่อย

✔️มีอาการของ Long Covid จากผลวิจัย Cambridge NHS

 

2. เห็นผลมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล แต่ทดลองก็ไม่เสียหาย

✔️ระบบเผาผลาญไม่ค่อยปกติ อ้วนง่าย

✔️ติดเชื้อโรคง่าย ทานยาปฏิชีวนะบ่อย

✔️มีแนวโน้มที่จะมีระดับคลอเรสตอรอลสูง หรือน้ำตาลในเลือดสูง

✔️อ่อนเพลียง่าย ไม่มีเรี่ยวแรงกำลัง

✔️อาการภูมิแพ้ น้ำมูกไหล ใต้ตาบวม

 

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์

 

วิธีการรับประทาน 

วิธีการรับประทาน: ทานวันละ 1 หรือ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ซอง ผสมกับเครื่องดื่มหรือฉีกซองแล้วเทเข้าปากเลยก็ได้ จากนั้นดื่มน้ำตาม  แต่ไม่ควรดื่มกับเครื่องดื่มร้อนๆนะ

รีวิวอาหารเสริมโพรไบโอติกส์:  BioMed Pro 8X3 เป็นผงสีครีม ไม่มีรสชาติ กลิ่นแบบคล้ายยาอ่อนๆ ถ้าชงกับน้ำเปล่าอาจจะมีกลิ่นนิดๆ แนะนำว่าผสมในเครื่องดื่มที่มีรสหวานจะกินง่ายกว่า

ราคา: 30 ซอง / ฿ 1,750

ทางไปช้อป: คลิกที่นี่

 

 

อ่านมากันถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มสงสัยว่าอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์ สำคัญกับเราแค่ไหน? ซึ่งเจ้เองก็ต้องอธิบายย้อนกลับไปตั้งแต่การตรวจเช็คสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ และข้อมูลจากแหล่งงานวิจัยที่มีการบอกไว้ว่าในคนไทยแบบเราๆ มีโพรไบโอติกส์ที่เรามีโอกาสขาดได้ถึง 8 ชนิดเลยนะ ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามมาอ่านกันต่อเลยค่า

 

รวม 8 ชนิดโพรไบโอติกส์ที่คนไทยมีโอกาสขาดมากที่สุด มันสำคัญกับร่างกายอย่างไร?

หน้าที่หลักๆของโพรไบโอติกส์ ช่วยย่อย, ดูดซึมสารอาหาร และต่อต้านสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก โดยบางชนิดสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองเลย หรือทำงานร่วมมือกับจุลินทรีย์อื่นๆในลำไส้  ถ้าน้องโพรไบโอติกส์เหล่านี้ผิดแปลกไป ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย กระบวนการเผาผลาญและการดูดซึมอาหารไม่ดีเลยทำให้อ้วนง่าย สุขภาพผิวก็ไม่ดีด้วย ท้องเสียท้องผูกบ่อยร่วมกับปวดท้องบ้าง ท้องอืดบ้าง

 

1. Lactobacillus rhamnosus GG (LGG) เป็นโพรไบโอติกส์ที่สามารถการยึดเกาะชั้นเยื่อบุผิวของลำไส้ได้นาน ช่วยป้องกันการติดเชื้อของทางเดินอาหาร กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันป้องกันอาการแพ้ ลดการอักเสบของผิว ลดความถี่การเกิดท้องเสีย

2. Bifidobacterium lactis (B. lactis) โพรไบโอติกส์ที่มีหน้าที่ช่วยย่อยสลายโดยเฉพาะน้ำตาล ไฟเบอร์ กระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน ยับยั้งเชื้อโรค H.pyroli ลดอาการท้องผูก และป้องกันไม่ให้ท้องเสีย โพรไบโอติกส์ชนิดนี้บางทีถูกใช้รักษาโรคโคลิกในเด็กทารก, โรคลำไส้แปรปรวน ( IBS)

3. Lacticaseibacillus paracasei (L. paracasei) เป็นโพรไบโอติกส์ที่ช่วยย่อยและดูดซึมสารอาหาร ทำให้กระบวนการเผาผลาญดำเนินไปอย่างปกติ ช่วยรักษาโรคไข้หวัด ผื่นภูมิแพ้ อาการหอบหืด ลดอาการท้องผูก

4. Bifidobacterium breve (B. breve) โพรไบโอติกส์ช่วยย่อยและดูดซึม กระตุ้นการทำงานของกระบวนการเผาผลาญดำเนินไปอย่างปกติ เพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุให้ดีขึ้น ลดอาการอักเสบทั่วร่างกายช่วยลดความเสื่อมของเซลล์สมอง ป้องกันอาการอัลไซเมอร์ อาการภูมิแพ้ และหอบหืด

5. Lactobacillus acidophilus (L. acidophilus) โพรไบโอติกส์ มีหน้าที่เหมือนโพรไบโอติกส์อื่นๆ เป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ถูกมาใช้เพื่อรักษาอาการท้องเสีย โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ลดการอักเสบของกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อโรค H.pylori

6. Bifidobacterium bifidum (B. bifidum) โพรไบโอติกส์ พบโดยเฉพาะเด็กทารกที่ทานนมแม่ เป็นโพรไบโอติกส์ที่ถูกมาใช้ลดความเสี่ยงโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) , โรคระบบทางเดินหายใจ อาการผื่นแพ้ ท้องผูก ท้องเสีย เสริมสร้างระบบคุ้มกัน

7. Bifidobacterium longum ( B.longum) เป็นโพรไบโอติกส์ที่ช่วยย่อยสลายอาหารโดยเฉพาะพวกน้ำตาล รวมถึงแลคโทสด้วย เป็นโพรไบโอติกส์ที่ช่วยป้องกันท้องผูก ลดระยะเวลาท้องเสีย และป้องกันคอเรสเตอรอลในเลือดสูง ลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน IBS

8. Lactobacillus gasseri (L. gasseri) เป็นโพรไบโอติกส์ที่ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า เพิ่มคุณภาพการนอน ลดอาการท้องผูกจากความเครียด เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเผาผลาญ

 

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์

 

ซึ่งทั้งหมดคือ 8 โพรไบโอติกส์ที่คนไทยมีโอกาสมากที่สุด พร้อมสรุปประสิทธิภาพของน้องเค้าตามงานวิจัยต่างๆ แต่ Choicechecker ต้องเน้นตัวโตๆว่าประสิทธิภาพเหล่านี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใส่ด้วย อย่างของ Biomed  Pro 8X3 ประสิทธิภาพหลักๆอยู่ที่การเสริมสร้างสุขภาพดีในระยะยาว ป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสีย ท้องไส้แปรปรวน ภูมิแพ้ทั่วไป และสิว ผิวหนังอักเสบ Long-COVID เท่านั้น ส่วนประสิทธิภาพรักษาโรคต่างๆ หรือกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาจไม่เห็นผลเท่าไร ถ้าเป็นกรณีซื้อไว้เพื่อดูแลสุขภาพ Choicechecker เห็นด้วย แต่ถ้าซื้อเพื่อรักษาหรือเพื่อการลดน้ำหนักอย่างเดียวไม่แนะนำนะโดยเฉพาะการลดน้ำหนักควรใช้วิธีอื่นๆควบคู่กันไปด้วย  แต่ BioMed เค้ามีแพคเกจที่โฟกัสเรื่องการเผาผลาญ น้ำหนักเกิน คลอเรสเตอรอลสูงต่างๆโดยเฉพาะอยู่ ลองไปดูที่ คลิกที่นี่

 

เกร็ดเพิ่มเติม: 

ทำไมโพรไบโอติกส์มีโอกาสช่วยลดสิว เพราะว่าเมื่อไรที่เสียสมดุลระบบนิเวศจุลินทรีย์บริเวณลำไส้แล้ว การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุก็น้อยลง ซึ่งวิตามินและหลายธาตุหลายอย่าง เช่น วิตามินซี มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุสิว วิตามิน ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว สังกะสีช่วยควบคุมความมัน  ล้วนเป็นวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการควบคุมสิวทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วยังมีงานวิจัยพบว่าเหล่าโพรไบโอติกส์มีความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันช่วยต่อต้านกับแบคทีเรียชนิดไม่ดีอย่าง P.acne

 

👩‍⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩‍⚕️

🙏คอนเทนต์นี้ได้รับการสนับสนุนสุดน่ารักจากแบรนด์ BioMed🙏


Reference


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น


ข้อมูลน่าสนใจมากค่ะ
18/10/2023 23:18
ร่างกายต้องการสิ่งที่มีประโยชน์
21/06/2023 01:04
ได้ความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นมากเลยค่ะ
11/05/2023 01:13
ความรู้แน่นมากจ้า
06/04/2023 02:35
มีประโยชน์มากค่ะ
29/03/2023 18:48
น่าลองน่าสนใจมากเลยครับ
25/03/2023 16:11
ดีมีประโยชน์น่าลองซื้อมากินดูนะคะ
23/03/2023 14:49
น่าลองมากเลยค่ะ
10/03/2023 22:58
น่าสนใจเลยค่าา
04/03/2023 09:02
ประโยชน์เยอะมากกกก
03/03/2023 23:45
มีปยมากๆค่ะ
03/03/2023 12:07
ข้อมูลที่มีประโยชน์มากเลยนะคะ
01/03/2023 20:04
น่าสนใจๆมากๆค่า
01/03/2023 10:12
น่าสนใจมากๆค่าา ต้องจัดแล้วว
01/03/2023 08:15
ตอนนี้ได้เห็นสินค้าที่มีโพรไบโอติกเพียบเลยค่ะ กำลังมาแรงจริงๆ
28/02/2023 13:40