วิตามินเอ (เรตินอล) รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับวิตามินเอ หญิงตั้งครรภ์, ให้นมบุตร ก็พลาดไม่ได้

ในช่วงนี้ได้ยินหลายคนพูดถึงเรตินอลอยู่บ่อยๆ ในรูปแบบของสกินแคร์ จริงๆแล้วเรตินอลเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ นอกเหนือจากนี้สกินแคร์เรตินอลที่กำลังเป็นที่สนใจขณะนี้แล้ว ชอยซ์อยากให้ทุกคนมุ่งเน้นไปที่การได้รับวิตามินเอจากอาหารซึ่งมีความสำคัญเช่นกัน เพราะวิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทั้งจากภายในและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ซึ่งมีความต้องการมากเป็นพิเศษ วันนี้ชอยซ์จะมารวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับวิตามินเอที่ทุกคนต้องรู้

ทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจกันเลย

• ประโยชน์ของวิตามินเอ
• 6 Facts เกี่ยวกับวิตามินเอ
• โทษของการขาดวิตามินเอ
• โทษของการได้รับวิตามินเอเกิน
• รวม 3 ผลิตภัณฑ์เน้นวิตามินเอสำหรับสุขภาพที่ดีขึ้น

ประโยชน์ของวิตามินเอ

1. ส่งเสริมสุขภาพดวงตา : ช่วยปรับปรุงการมองเห็นในที่แสงน้อย และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเกี่ยวกับตา

2. สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน : เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันและความสามารถในการป้องกันโรคภัยต่างๆ

3. ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเซลล์ : สำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็กและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย

4. สุขภาพผิว : ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอย และช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์

6 Facts เกี่ยวกับวิตามินเอ

1. รูปแบบของวิตามินเอ : มี 2 ประเภทหลัก คือ เรตินอยด์ (เช่น เรตินอลและเรตินิลเอสเตอร์) และแคโรทีนอยด์ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีแหล่งที่มาและการดูดซึมที่แตกต่างกัน

2. แหล่งที่มาของวิตามินเอ : วิตามินเอประเภทเรตินอยด์ได้จากเนื้อสัตว์, น้ำมันตับปลา, ไข่, และน้ำนม ในขณะที่แคโรทีนอยด์มาจากพืช เช่น แครรอท ฟักทอง และมันเทศ

3. การเก็บสะสมในร่างกายเมื่อทานเข้าไป : วิตามินเอส่วนใหญ่จะถูกเก็บสะสมไว้ในตับและใช้เมื่อต้องการ

4. การดูดซึม : ร่างกายดูดซึมเรตินอยด์ได้มากกว่ากว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งหมายความว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ให้วิตามินเอมากกว่าจากพืช

5. ความต้องการวิตามินเอ : ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรมีแนวโน้มต้องการวิตามินเอมากกว่าในสภาวะปกติ

6. ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำ : ผู้ชายควรได้รับ 700 ไมโครกรัม ผู้หญิง 600 ไมโครกรัม หญิงตั้งครรภ์ 700 ไมโครกรัม และหญิงให้นมบุตร 1300 ไมโครกรัม โดยไม่ควรเกิน 3000 ไมโครกรัมเนื่องจากอาจเป็นอันตราย

โทษของการขาดวิตามินเอ

1. ปัญหาสุขภาพตา : อาจนำไปสู่ความบกพร่องในการมองเห็นและตาบอดยามค่ำคืน

2. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ : เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หากขาดวิตามินเอ จะส่งผลถึงลูก ทำให้พัฒนาการช้า และเสี่ยงติดเชื้อ

3. การเจริญเติบโตช้าในเด็กและทารก

4. ปัญหาผิวหนัง : เช่น ผิวแห้งและผิวหยาบ ริ้วรอยก่อนวัย ผิวขาดความยืดหยุ่น

โทษของการได้รับวิตามินเอเกิน

1. พิษวิตามินเอ : อาจนำไปสู่อาการคลื่นไส้วิงเวียน สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว, และเกิดความเสียหายต่อตับ

2. ผลกระทบต่อทารกในครรภ์ : สูงเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดปกติในการพัฒนาการเจริญเติบโตของทารก

3. ผลกระทบต่อกระดูก : การได้รับวิตามินเอเกินอาจนำไปสู่ความผิดปกติของกระดูก

รวม 3 ผลิตภัณฑ์เน้นวิตามินเอสำหรับสุขภาพที่ดีขึ้น

1. แบรนด์ เบอร์รี่พลัสบ็อกบิลเบอร์รี่ 42 มล.

เบอร์รี่พลัสบ็อกบิลเบอร์รี่ มาพร้อมสูตรปรับปรุงใหม่ที่อร่อยขึ้น ด้วยวิตามินเอสูงถึง 50% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ช่วยให้การมองเห็นของคุณคงสภาพปกติ และยังมีวิตามินอี 70% และซิงค์ 25% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลน้อยลง จากสูตรเดิม ให้คุณดื่มได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล

ทางไปช้อป

2. ดอยคำ น้ำมะม่วง ๙๘% 200 มล.

ดอยคำ น้ำมะม่วง ๙๘% ผลิตจากมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ ที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และรสชาติหอมหวาน นอกจากจะได้รับความอร่อยแล้ว ยังได้รับวิตามินเอที่ช่วยส่งเสริมการมองเห็นและเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว

ทางไปช้อป

3. Innoweness FITO Puree ไฟโต เพียวเร่ 200 มล.

Innoweness FITO Puree ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากน้ำผักและผลไม้รวม 26 ชนิด มาพร้อมกับวิตามินเอ ซี อี ดี และโพแทสเซียมที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ไม่ใช้วัตถุกันเสียและไม่เจือสีสังเคราะห์

ทางไปช้อป

แต่ละผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นและประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนแต่เน้นคุณค่าของวิตามินเอที่สำคัญต่อร่างกาย ชอยซ์แนะนำว่าหากใครไม่มีเวลาดูแลตนเองมากพอ การหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาช่วยดูแลสุขภาพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

👩‍⚕️คอนเทนต์นี้จัดทำโดยเภสัชกรวิชาชีพประจำ ChoiceChecker👩‍⚕️

Reference

• Thai Dietetic Association. (2020). Dietary reference intake for Thais 2020. Retrieved from https://www.thaidietetics.org/wp-content/uploads/2020/04/dri2563.pdf