จะครึ่งปีแล้ว ตรวจสุขภาพกันหรือยัง? ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ยังไง choicechecker ก็แนะนำว่าควรหาเวลาไปตรวจสุขภาพบ้าง เพราะการมีสุขภาพดี ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีไปด้วย ไม่ใช่ว่าเอาแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง สุดท้ายแล้วก็จะไม่ได้ตรวจ ยิ่งตรวจเร็ว รู้ผลเร็ว หากเป็นอะไรจะได้ป้องกันได้เร็ว ไม่เดือดร้อนเป็นภาระให้คนที่เรารักในภายหลัง ซึ่งวันนี้ choicechecker ก็รวบรวม 3 แพกเกจตรวจสุขภาพน่าสนใจ เหมาะสมกับคนยุคสมัยนี้เป็นอย่างยิ่ง
เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย
วิตามินและแร่ธาตุ คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องได้รับให้ครบถ้วนในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ร่างกายแสดงความผิดปกติออกมา แต่การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ทั้งเร่งรีบ มีสิ่งกระตุ้นรอบตัวมากมาย การจะมาสร้างสมดุลทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนไม่ใช่ง่ายๆ หลายคนจึงเลือกที่จะทานอาหารเสริม ซึ่งนั้นก็เป็นทางออกที่ดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราขาดวิตามินและแร่ธาตุอะไรบ้าง ก็ควรเช็คให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นได้รับปริมาณมากเกินไปจะทำให้กลายเป็นอันตรายแก่ร่างกาย
สิ่งที่ประกอบอยู่ในแพกเกจ
ประกอบไปด้วยการตรวจวัดระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ (Micronutrient Profile) มากถึง 19 ชนิด ซึ่งได้แก่
✔️วิตามิน A มีส่วนสำคัญในการบำรุงสุขภาพดวงตาและการมองเห็น
✔️วิตามิน C ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิต้านทาน
✔️วิตามิน B12 บำรุงระบบประสาทและสมอง
✔️วิตามิน E (alpha-Tocopherol และ gamma-Tocopherol) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบทั่วร่างกาย
✔️วิตามิน D (25-OH Vitamin D2/D3) ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของกระดูก ฟันและกล้ามเนื้อ
✔️Coenzyme Q10 ส่งเสริมการทำงานของไมโทรคอนเดรียซึ่งมีหน้าที่สำคัญช่วยสร้างพลังงานในระดับเซลล์
✔️Lutein และ Zeaxanthin บำรุงสายตา และปกป้องตาจากอันตรายของแสงแดด
✔️ beta-Cryptoxanthin ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสื่อมถอยการทำงานของอวัยวะต่างๆ
✔️ Lycopene ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม
✔️alpha-Carotene และ beta-Carotene บำรุงสายตา ชะลอความเสื่อมสมอง ลดความเสี่ยงของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
✔️Folate และ Ferritin บำรุงเลือด เพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์เม็ดเลือด
✔️Magnesium ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ระบบหัวใจ กระดูกและกล้ามเนื้อ
✔️Chromium เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน และสนับสนุนการทำงานของระบบเผาผลาญเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน
✔️Copper มีบทบาทสำคัญในการสร้างและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
✔️Selenium ลดความเสี่ยงต่อภาวะอักเสบและการติดเชื้อ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน
✔️Zinc มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย กระตุ้นการสร้างเอมเไซม์ต่างๆให้ทำงานได้อย่างปกติ
เหมาะกับใคร? อายุ 25+ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลา
วิธีการเจาะตรวจ: ตรวจเลือด
ระยะเวลาที่ทราบผลการตรวจ: 5-7 วันทำการ
สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: ศูนย์ N Health ซึ่งมีทุกภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสานภาคตะวันออก ภาคใต้ มีหมด สามารถแอดไลน์เพื่อสอบถามสาขาที่ใกล้บ้านที่สุด
มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : ไม่มี หากพบความผิดปกติจะต้องนำผลแลปไปปรึกษาแพทย์เอง
ราคาต่อแพกเกจ: 13,750 บาท
หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางศูนย์ N Health
วิธีการติดต่อ: N Health Customer Service 02-7624000 หรือ LINE : @nhealth
คำแนะนำเพิ่มเติม: แนะนำให้ตรวจซ้ำทุกปี ไม่จำเป็นต้องตรวจพบอาการผิดปกติก่อน เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการกินให้เกิดความสมดุลได้ง่ายขึ้น
Choicechecker ย้ำอยู่เสมอไม่ใช่ว่าทาครีมอย่างเดียวแล้วผิวจะดีได้ ผิวจะดีได้ต้องได้รับการดูแลจากภายในด้วย นอกจากการให้ความสำคัญกับอาหารที่ทานไปในแต่ละวันแล้ว พวกเราควรดูแลระบบทางเดินอาหารเสียด้วย เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของการย่อยและดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกาย เมื่อไรที่เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่นมีแบคทีเรีย H.pyroli ในกระเพราะอาหาร อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ และยิ่งด้วยในปัจจุบันพฤติกรรมการกินของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไป เช่นเน้นกินเยอะ กินคุ้ม (บุฟเฟ่ต์), เน้นรสชาติเข้มข้น เพิ่มหวาน เพิ่มเค็ม, สายเลิฟของเผ็ด เผ็ดให้สุดแล้วหยุดที่ห้องฉุกเฉิน, สายกินเนื้อเยอะไม่เน้นผัก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงก่อให้เกิดโรคร้ายที่มาเยือนก่อนวัยอันควรได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคกรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ ดังนั้นการไม่ประมาทหมั่นตรวจเช็คสุขภาพระบบทางเดินอาหารตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยทำให้เราปรับพฤติกรรมได้ทัน ก่อนที่จะสายเกินไป
การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร รูปแบบการตรวจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1. การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy,EGD) ได้แก่ หลอดอาหาร กระเพราะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy,EGD) โดยแพทย์จะใช้กล้องที่มีลักษณะท่อเล็กๆ โค้งงอตามทางเดินอาหาร สอดเข้าไปทางปากจนถึงลำไส้ส่วนต้น หากคนไข้รู้สึกกลัวทางโรงพยาบาลก็จะให้ยานอนหลับ หรือดมยาสลบ เพื่อลดความกลัวและความกังวลที่เกิดขึ้น
2. การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนล่าง (Colonoscopy) ได้แก่ลำไส้ใหญ่ โดยแพทย์จะใช้กล้องสอดเข้าทางทวารหนัก เพื่อตรวจหาความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ เช่นติ่งเนื้อ เป็นต้น หากคนไข้รู้สึกกลัวทางโรงพยาบาลก็จะให้ยานอนหลับ หรือดมยาสลบ เพื่อลดความกลัวและความกังวลที่เกิดขึ้น
เหมาะกับใคร? อายุ 35+ หรือสายกินจุ สายกินเผ็ด สายกินเนื้อไม่เน้นผัก หรือผู้ที่มีอาการจุกเสียด แสบท้องบ่อย ท้องอืดบ่อย ปวดท้องบ่อย อาหารไม่ค่อยย่อย
วิธีการเจาะตรวจ: ส่องกล้องเข้าทางปากสำหรับการตรวจทางเดินอาหารส่วนบน และส่องกล้องเข้าทางทวารหนัก
ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจ: ราวๆ 1 ชั่วโมง แต่ต้องมีการนอนพักฟื้นจากการใช้ยานอนหลับหรือยาสลบ จึงใช้เวลารวมๆแล้วราวครึ่งถึง 1 วัน
ระยะเวลาการทราบผลตรวจ: หากไม่มีความผิดปกติใดๆก็สามารถทราบผลตรวจได้ในวันนั้นเลย แต่ถ้าตรวจพบชิ้นเนื้อทางโรงพยาบาลก็จะมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งมีระยะเวลาตามการตรวจของชิ้นเนื้อแต่ละชนิด
สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: โรงพญาบาลพญาไท
มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : มี บริการแพทย์ส่องกล้องและแพทย์วิสัญญี ส่วนในกรณีที่พบความผิดก็สามารถพบแพทย์ในสาขาที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลพญาไทได้เลย
ราคาต่อแพกเกจ:
หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางโรงพยาบาลพญาไท
วิธีการติดต่อ: ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและโรคตับ โรงพยาบาลพญาไท โทร. 02-467-1111 ต่อ 3260
คำแนะนำเพิ่มเติม: การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารแนะนำให้ตรวจซ้ำๆทุก 3-5 ปี และแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องพบอาการผิดปกติเสียก่อน สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุน้อย เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการกินได้ทัน
สมัยนี้อะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ การตรวจสุขภาพก็เช่นกัน ความรู้ทางพันธุกรรมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ณ.ปัจจุบันเราสามารถตรวจสุขภาพได้ถึงอย่างละเอียดถึงระดับยีน การตรวจยีน (Genetic Testing) เป็นการตรวจวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมทุกตำแหน่งในร่างกาย (Whole Exome Sequencing) ที่ส่งผลต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ เพื่อเป็นใช้ข้อมูลในการทำนายความเสี่ยงของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคทางพันธุกรรมอื่นๆ 14 เพื่อจะได้วางแผนการดูแลสุขภาพทุกๆช่วงวัย ป้องกันได้อย่างรวดเร็วและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลอีกด้วย ทำให้ความแม่นยำสำหรับการรักษาโรคในอนาคตก็สูงไปด้วย
การตรวจยีน (Genetic Testing) แบ่งการทดสอบเป็น 4 ส่วน
1. การตรวจสอบความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โดยครอบคลุม 18 ชนิดโรคมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง, มะเร็งผิวหนัง, มะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งของเซลล์เนื้อเยื่อไต, มะเร็งไทรอยด์, มะเร็งซาร์โคมา (มะเร็งที่เกิดในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน), มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งสมอง, มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมไร้ท่อ, มะเร็งเน็ต (Neuroendocrine),มะเร็งจอประสาทตา และกลุ่มอาการอื่นๆ
2. การตรวจสอบความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยครอบคลุม 6 ชนิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ ความผิดปกติของหลอดเลือดเอออร์ตา, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ, ภาวะความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงจากพันธุกรรม, โรคความผิดปกติของหลอดเลือดที่เกิดจากพันธุกรรม และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
อีก 2 ส่วนที่เหลือเป็นการตรวจสอบความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมเมแทบอลิกและกลุ่มอาการอื่นๆ โดยครอบคลุม 9 โรคชนิดโรคในกลุ่มนี้ และส่วนสุดท้ายเป็นการวิเคราะห์ยีนเกี่ยวกับภาวะแพ้ยาสลบ
เหมาะกับใคร? ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ครอบครัวมีคนที่มีประวัติเกี่ยวกับเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคพันธุกรรมอื่นๆ เป็นต้น
วิธีการตรวจ: เจาะเลือดหรือเก็บน้ำลาย
ระยะเวลาการทราบผลตรวจ: 2 เดือน
สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: ศูนย์พันธุศาสตร์เชิงป้องกัน และสุขภาพครอบครัว โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : มี บริการพบแพทย์หลังทราบผล และหากเกิดความผิดปกติก็สามารถส่งต่อเพื่อปรึกษาแพทย์เฉพาะทางของทางโรงพยาบาลได้เลย
ราคาต่อแพกเกจ: 40,000 บาท
หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
วิธีการติดต่อ: ศูนย์พันธุศาสตร์เชิงป้องกัน และสุขภาพครอบครัว โทร : 02-011-4890 , 02-011-4891
คำแนะนำเพิ่มเติม: หากไม่ติดเรื่องงบประมาณแนะนำให้ตรวจตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่ 18+
ทุกแพกเกจที่ Choicechecker แนะนำด้านบนนั้น เป็นการตรวจสุขภาพที่ Choicechecker เน้นให้ตรวจเพื่อใช้ในเชิงป้องกันมากกว่ารักษา เนื่องจากพวกเราเล็งเห็นว่าหากเราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากไม่รู้เท่าไร แต่อย่างไรก็ตามหากแพกเกจที่ทางเราแนะนำราคาสูงเกินไป Choicechecker แนะนำว่าอย่างน้อยๆก็ควรตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปในงบประมาณที่แต่ละท่านสามารถจัดการได้ เช่นการตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด (FBS),การตรวจระดับนํ้าตาลสะสมในเลือด (HbA1c),การตรวจระดับไขมันในเลือด (Total Cholesterol),การตรวจระดับไขมันดีในเลือด (HDL), การตรวจระดับไขมันไม่ดีในเลือด (LDL), การตรวจระดับไขมันในเลือด (Triglyceride),การตรวจการทํางานของไต (BUN),การตรวจการทํางานของไต (Creatinine),การตรวจการทํางานของตับ (SGOT), ตรวจการทํางานของต่อมไทรอยด์ เป็นต้น ซึ่งการตรวจเหล่านี้สามารถหาตรวจได้ง่าย มีในทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน
Reference
ความคิดเห็น