รวมแพกเกจตรวจสุขภาพน่าสนใจ “ป้องกันวันนี้ดีกว่าต้องรักษาในวันหน้า”

โดย Admin_ChoiceChecker01 26/07/2023

 

จะครึ่งปีแล้ว ตรวจสุขภาพกันหรือยัง? ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ยังไง choicechecker ก็แนะนำว่าควรหาเวลาไปตรวจสุขภาพบ้าง เพราะการมีสุขภาพดี ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีไปด้วย ไม่ใช่ว่าเอาแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง สุดท้ายแล้วก็จะไม่ได้ตรวจ ยิ่งตรวจเร็ว รู้ผลเร็ว หากเป็นอะไรจะได้ป้องกันได้เร็ว ไม่เดือดร้อนเป็นภาระให้คนที่เรารักในภายหลัง ซึ่งวันนี้ choicechecker ก็รวบรวม 3 แพกเกจตรวจสุขภาพน่าสนใจ เหมาะสมกับคนยุคสมัยนี้เป็นอย่างยิ่ง

 

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย

 


 

N Health ตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ 19 รายการ (Micronutrient Profile +Vitamin D2/D3)

วิตามินและแร่ธาตุ คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องได้รับให้ครบถ้วนในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ร่างกายแสดงความผิดปกติออกมา แต่การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ทั้งเร่งรีบ มีสิ่งกระตุ้นรอบตัวมากมาย การจะมาสร้างสมดุลทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนไม่ใช่ง่ายๆ  หลายคนจึงเลือกที่จะทานอาหารเสริม ซึ่งนั้นก็เป็นทางออกที่ดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราขาดวิตามินและแร่ธาตุอะไรบ้าง ก็ควรเช็คให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นได้รับปริมาณมากเกินไปจะทำให้กลายเป็นอันตรายแก่ร่างกาย

 

สิ่งที่ประกอบอยู่ในแพกเกจ

ประกอบไปด้วยการตรวจวัดระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ (Micronutrient Profile) มากถึง 19 ชนิด ซึ่งได้แก่

✔️วิตามิน A มีส่วนสำคัญในการบำรุงสุขภาพดวงตาและการมองเห็น

✔️วิตามิน C ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิต้านทาน

✔️วิตามิน B12 บำรุงระบบประสาทและสมอง

✔️วิตามิน E (alpha-Tocopherol และ gamma-Tocopherol) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบทั่วร่างกาย

✔️วิตามิน D (25-OH Vitamin D2/D3) ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของกระดูก ฟันและกล้ามเนื้อ

✔️Coenzyme Q10 ส่งเสริมการทำงานของไมโทรคอนเดรียซึ่งมีหน้าที่สำคัญช่วยสร้างพลังงานในระดับเซลล์

✔️Lutein และ Zeaxanthin บำรุงสายตา และปกป้องตาจากอันตรายของแสงแดด

✔️ beta-Cryptoxanthin ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสื่อมถอยการทำงานของอวัยวะต่างๆ

✔️ Lycopene ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม

✔️alpha-Carotene และ beta-Carotene บำรุงสายตา ชะลอความเสื่อมสมอง ลดความเสี่ยงของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด

✔️Folate และ Ferritin บำรุงเลือด เพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์เม็ดเลือด

✔️Magnesium ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ระบบหัวใจ กระดูกและกล้ามเนื้อ

✔️Chromium  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน และสนับสนุนการทำงานของระบบเผาผลาญเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน

✔️Copper มีบทบาทสำคัญในการสร้างและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

✔️Selenium ลดความเสี่ยงต่อภาวะอักเสบและการติดเชื้อ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน

✔️Zinc มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย กระตุ้นการสร้างเอมเไซม์ต่างๆให้ทำงานได้อย่างปกติ

 

เหมาะกับใคร? อายุ 25+  โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลา

วิธีการเจาะตรวจ: ตรวจเลือด

ระยะเวลาที่ทราบผลการตรวจ: 5-7 วันทำการ

สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: ศูนย์ N Health ซึ่งมีทุกภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสานภาคตะวันออก ภาคใต้ มีหมด สามารถแอดไลน์เพื่อสอบถามสาขาที่ใกล้บ้านที่สุด

มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : ไม่มี หากพบความผิดปกติจะต้องนำผลแลปไปปรึกษาแพทย์เอง

ราคาต่อแพกเกจ: 13,750 บาท

หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางศูนย์ N Health

วิธีการติดต่อ: N Health Customer Service 02-7624000  หรือ LINE : @nhealth

คำแนะนำเพิ่มเติม: แนะนำให้ตรวจซ้ำทุกปี ไม่จำเป็นต้องตรวจพบอาการผิดปกติก่อน เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการกินให้เกิดความสมดุลได้ง่ายขึ้น

 

ตรวจสุขภาพประจำปี

 

ส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy,EGD) และ ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)

Choicechecker ย้ำอยู่เสมอไม่ใช่ว่าทาครีมอย่างเดียวแล้วผิวจะดีได้ ผิวจะดีได้ต้องได้รับการดูแลจากภายในด้วย นอกจากการให้ความสำคัญกับอาหารที่ทานไปในแต่ละวันแล้ว พวกเราควรดูแลระบบทางเดินอาหารเสียด้วย เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของการย่อยและดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกาย เมื่อไรที่เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่นมีแบคทีเรีย H.pyroli ในกระเพราะอาหาร อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ และยิ่งด้วยในปัจจุบันพฤติกรรมการกินของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไป เช่นเน้นกินเยอะ กินคุ้ม (บุฟเฟ่ต์),  เน้นรสชาติเข้มข้น เพิ่มหวาน เพิ่มเค็ม, สายเลิฟของเผ็ด เผ็ดให้สุดแล้วหยุดที่ห้องฉุกเฉิน, สายกินเนื้อเยอะไม่เน้นผัก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงก่อให้เกิดโรคร้ายที่มาเยือนก่อนวัยอันควรได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคกรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ ดังนั้นการไม่ประมาทหมั่นตรวจเช็คสุขภาพระบบทางเดินอาหารตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยทำให้เราปรับพฤติกรรมได้ทัน ก่อนที่จะสายเกินไป

 

การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร รูปแบบการตรวจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ

1. การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy,EGD) ได้แก่ หลอดอาหาร กระเพราะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy,EGD) โดยแพทย์จะใช้กล้องที่มีลักษณะท่อเล็กๆ โค้งงอตามทางเดินอาหาร สอดเข้าไปทางปากจนถึงลำไส้ส่วนต้น หากคนไข้รู้สึกกลัวทางโรงพยาบาลก็จะให้ยานอนหลับ หรือดมยาสลบ เพื่อลดความกลัวและความกังวลที่เกิดขึ้น

 

2. การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนล่าง (Colonoscopy) ได้แก่ลำไส้ใหญ่ โดยแพทย์จะใช้กล้องสอดเข้าทางทวารหนัก เพื่อตรวจหาความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ เช่นติ่งเนื้อ เป็นต้น หากคนไข้รู้สึกกลัวทางโรงพยาบาลก็จะให้ยานอนหลับ หรือดมยาสลบ เพื่อลดความกลัวและความกังวลที่เกิดขึ้น

 

เหมาะกับใคร?  อายุ 35+ หรือสายกินจุ สายกินเผ็ด สายกินเนื้อไม่เน้นผัก  หรือผู้ที่มีอาการจุกเสียด แสบท้องบ่อย ท้องอืดบ่อย ปวดท้องบ่อย อาหารไม่ค่อยย่อย

วิธีการเจาะตรวจ: ส่องกล้องเข้าทางปากสำหรับการตรวจทางเดินอาหารส่วนบน และส่องกล้องเข้าทางทวารหนัก

ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจ: ราวๆ 1 ชั่วโมง แต่ต้องมีการนอนพักฟื้นจากการใช้ยานอนหลับหรือยาสลบ จึงใช้เวลารวมๆแล้วราวครึ่งถึง 1 วัน

ระยะเวลาการทราบผลตรวจ: หากไม่มีความผิดปกติใดๆก็สามารถทราบผลตรวจได้ในวันนั้นเลย แต่ถ้าตรวจพบชิ้นเนื้อทางโรงพยาบาลก็จะมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งมีระยะเวลาตามการตรวจของชิ้นเนื้อแต่ละชนิด

สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: โรงพญาบาลพญาไท

มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : มี บริการแพทย์ส่องกล้องและแพทย์วิสัญญี ส่วนในกรณีที่พบความผิดก็สามารถพบแพทย์ในสาขาที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลพญาไทได้เลย

 

ราคาต่อแพกเกจ:

  • การตรวจส่องกล้องกระเพราะอาหารและลำไส้ใหญ่แบบได้รับยานอนหลับ ราคา 27,000 บาท
  • การตรวจส่องกล้องกระเพราะอาหารและลำไส้ใหญ่โดยวิสัญญีแพทย์ (ดมยาสลบ) ราคา 35,000 บาท

 

หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางโรงพยาบาลพญาไท

วิธีการติดต่อ: ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและโรคตับ โรงพยาบาลพญาไท โทร. 02-467-1111 ต่อ 3260

คำแนะนำเพิ่มเติม: การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารแนะนำให้ตรวจซ้ำๆทุก 3-5 ปี และแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องพบอาการผิดปกติเสียก่อน สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุน้อย เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการกินได้ทัน

 

การตรวจยีน (Genetic Testing)

สมัยนี้อะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ การตรวจสุขภาพก็เช่นกัน ความรู้ทางพันธุกรรมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ณ.ปัจจุบันเราสามารถตรวจสุขภาพได้ถึงอย่างละเอียดถึงระดับยีน การตรวจยีน (Genetic Testing) เป็นการตรวจวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมทุกตำแหน่งในร่างกาย (Whole Exome Sequencing) ที่ส่งผลต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ เพื่อเป็นใช้ข้อมูลในการทำนายความเสี่ยงของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคทางพันธุกรรมอื่นๆ 14 เพื่อจะได้วางแผนการดูแลสุขภาพทุกๆช่วงวัย ป้องกันได้อย่างรวดเร็วและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลอีกด้วย ทำให้ความแม่นยำสำหรับการรักษาโรคในอนาคตก็สูงไปด้วย

 

การตรวจยีน (Genetic Testing) แบ่งการทดสอบเป็น 4 ส่วน

1. การตรวจสอบความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โดยครอบคลุม 18 ชนิดโรคมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง, มะเร็งผิวหนัง, มะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งของเซลล์เนื้อเยื่อไต, มะเร็งไทรอยด์, มะเร็งซาร์โคมา (มะเร็งที่เกิดในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน), มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งสมอง, มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมไร้ท่อ, มะเร็งเน็ต (Neuroendocrine),มะเร็งจอประสาทตา และกลุ่มอาการอื่นๆ

 

2. การตรวจสอบความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยครอบคลุม 6 ชนิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ ความผิดปกติของหลอดเลือดเอออร์ตา, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ, ภาวะความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงจากพันธุกรรม, โรคความผิดปกติของหลอดเลือดที่เกิดจากพันธุกรรม และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

 

อีก 2 ส่วนที่เหลือเป็นการตรวจสอบความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมเมแทบอลิกและกลุ่มอาการอื่นๆ โดยครอบคลุม 9 โรคชนิดโรคในกลุ่มนี้ และส่วนสุดท้ายเป็นการวิเคราะห์ยีนเกี่ยวกับภาวะแพ้ยาสลบ

เหมาะกับใคร?  ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ครอบครัวมีคนที่มีประวัติเกี่ยวกับเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคพันธุกรรมอื่นๆ เป็นต้น

วิธีการตรวจ: เจาะเลือดหรือเก็บน้ำลาย

ระยะเวลาการทราบผลตรวจ: 2 เดือน

สถานที่ที่สามารถรับบริการได้: ศูนย์พันธุศาสตร์เชิงป้องกัน และสุขภาพครอบครัว โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

มีบริการพบแพทย์หลังทราบผลหรือไม่? : มี บริการพบแพทย์หลังทราบผล และหากเกิดความผิดปกติก็สามารถส่งต่อเพื่อปรึกษาแพทย์เฉพาะทางของทางโรงพยาบาลได้เลย

ราคาต่อแพกเกจ: 40,000  บาท

หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี อย่าลืมอัพเดตกับทางโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

วิธีการติดต่อ: ศูนย์พันธุศาสตร์เชิงป้องกัน และสุขภาพครอบครัว โทร : 02-011-4890 , 02-011-4891

คำแนะนำเพิ่มเติม: หากไม่ติดเรื่องงบประมาณแนะนำให้ตรวจตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่ 18+

 

ทุกแพกเกจที่ Choicechecker แนะนำด้านบนนั้น เป็นการตรวจสุขภาพที่ Choicechecker เน้นให้ตรวจเพื่อใช้ในเชิงป้องกันมากกว่ารักษา เนื่องจากพวกเราเล็งเห็นว่าหากเราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากไม่รู้เท่าไร แต่อย่างไรก็ตามหากแพกเกจที่ทางเราแนะนำราคาสูงเกินไป Choicechecker แนะนำว่าอย่างน้อยๆก็ควรตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปในงบประมาณที่แต่ละท่านสามารถจัดการได้ เช่นการตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด (FBS),การตรวจระดับนํ้าตาลสะสมในเลือด (HbA1c),การตรวจระดับไขมันในเลือด (Total Cholesterol),การตรวจระดับไขมันดีในเลือด (HDL), การตรวจระดับไขมันไม่ดีในเลือด (LDL), การตรวจระดับไขมันในเลือด (Triglyceride),การตรวจการทํางานของไต (BUN),การตรวจการทํางานของไต (Creatinine),การตรวจการทํางานของตับ (SGOT), ตรวจการทํางานของต่อมไทรอยด์ เป็นต้น ซึ่งการตรวจเหล่านี้สามารถหาตรวจได้ง่าย มีในทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน


Reference


 


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น


ข้อมูลดีจริงๆค่ะ
16/11/2023 01:30
อายุเยอะสุขภาพควรตรวจทุกปีครับ
05/08/2023 21:30
สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพทุกปีคะ
03/08/2023 10:31
ขอบคุณที่มาแชร์กันค่าา คอนเท้นดีมากๆเลยค่ะ
31/07/2023 10:12
ดีมากกกกกกกก
27/07/2023 23:24
น่าสนใจทุกแพ็คเกจเลยค่ะ รู้สึกว่าพออายุเข้าเลข 3 มันจะป่วยออดแอดบ่อย ต้องรีบดูแลตัวเองละ
27/07/2023 10:09
ตรวจยีน พึ่งเคยได้ยินค่ะ อยากให้พ่อแม่ไลองตรวจเลยค่าาา
27/07/2023 09:45
น่าสนใจมากเลยค่ะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
27/07/2023 08:15
น่าสนใจมากๆค่ะ
26/07/2023 23:16
โปรแกรมตรวจสุขภาพน่าสนใจมากเลย
26/07/2023 20:36