CeraVe Moisturising Lotion มอยส์เจอไรเซอร์เสริม Skin Barrier ในตำนาน อัพความแข็งแรงทั้งผิวหน้าและผิวกาย

วันนี้ขอเข้าเรื่องเลยกับ Moisturizer สามัญประจำบ้าน ที่มีติดบ้านไว้คือคุ้ม คือดี คือตำนานของมอยส์เจอไรเซอร์ เพราะเค้าใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย พูดมาขนาดนี้เฉลยเลยแล้วกันว่าน้องคือ “CeraVe Moisturising Lotion” ที่นอกจากคุณภาพคับขวด เทคโนโลยีสุดปัง ราคายังน่ารักมาก คุ้มมากกับสายประหยัดแต่อยากจัดสกินแคร์ดูแลผิวให้แข็งแรง แถมใครที่ผิวแห้งเก่งๆ ต้องอยู่ห้องแอร์นานๆ เดี๋ยวผิวก็แห้งก็ลอก แบบนี้ต้องรีบดูแลเลยนะ ไม่งั้นเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ปัญหาผิวอาจตามมาเป็นกองทัพเอาง่ายๆ แรงสุดก็สามารถลามไปถึงอาการผิวหนังอักเสบเลย

เลือกทางลัดไปอ่านหัวข้อที่สนใจเลย

• Skin Barrier สำคัญยังไง?
• “ผิวแห้ง” 5 ประเภท 
• ส่วนผสมสำคัญใน “CeraVe Moisturising Lotion”
• “CeraVe Moisturising Lotion” เหมาะกับใคร?
• รีวิวเนื้อสัมผัส “CeraVe Moisturising Lotion”

"เกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง = ผิวไม่แข็งแรง" เพราะผิวเราไม่มีด่านหน้าที่คอยคัดกรองนู่นนี่นั่น จนเสี่ยงเกิดอาการแพ้ง่าย ผิวระคายเคือง ผิวแห้งลอก เพิ่มโอกาสเป็นสิวมากขึ้น หรือมากๆ เข้าพวกสารหรือเชื้อโรคแปลกปลอมก็จะสามารถทะลุเข้าผิวได้ง่ายขึ้น ทีนี้ก็เพิ่มโอกาสของการเป็นโรคผิวหนังอักเสบ ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ บางคนผิวยิ่งแห้ง ยิ่งคันก็ยิ่งเกา จนเป็นแผลและแผลเป็น กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยากตามมาเพียบ วิธีการเช็คง่ายๆ ว่าเกราะป้องกันผิวเราโอเคมั้ย แบบเบสิคก็คือ เช็คก่อนว่าผิวเราเจอปัญหาผิวแห้งอยู่รึเปล่า?

Skin Barrier สำคัญยังไง?

หรืออีกชื่อว่า เกราะป้องกันผิว น้องเป็นผิวส่วนที่เรามองเห็นและสัมผัสได้นี่แหละ แต่เห็นแบบนี้ “เกราะป้องกันผิว” ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยนะ เพราะชื่อเค้าก็บอกอยู่ว่าเป็น “เกราะ” เค้าจึงทำหน้าที่เป็นด่านหน้า เป็นปราการผิวจุดสำคัญที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมไม่ให้บุกรุกเข้ามาทำร้ายผิวของเรา โดยหน้าที่ของ Skin Barrier (เกราะป้องกันผิว) หลักๆ ก็คือ

1.คอยคัดกรองสิ่งที่พยายามจะซึมผ่านเข้าผิวของเรา เช่น แบคทีเรีย ฝุ่น ฝุ่นPM2.5 หรือสกินแคร์ที่เราทาเข้าไป

2.เป็นภูมิคุ้มกันคอยจัดการกับสารก่อภูมิแพ้ที่จะเข้ามาทำให้ผิวของเราระคายเคือง

3.ช่วยดูแลผิวจากการเผชิญกับสารอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเครียดเกินไป ชะลอความเสื่อมของผิวเหี่ยว ผิวแก่ ป้องกันไม่ให้ริ้วรอยมาก่อนวัยอันควร

4.กำจัดเชื้อโรค แบคทีเรียแปลกปลอมบนผิว ก่อนที่มันจะเข้ามาทำร้ายผิวของเรา

5.ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจนเกิดจุดด่างดำ ผิวหมอง หรือริ้วรอยก่อนวัยเร็วเกินไป

สรุปหน้าที่ของ Skin Barrier (เกราะป้องกันผิว) มาแบบเน้นๆ มา 5 ข้อ แค่นี้ก็รู้เลยว่าน้องเค้าสำคัญกับเราแค่ไหน!! ซึ่งในทุกๆ วันเราก็ควรที่จะดูแลเกราะป้องกันผิวให้ดีด้วยการใช้สกินแคร์บำรุงผิวเสริม Skin Barrier และระมัดระวังไม่เผลอทำพฤติกรรมอะไรที่ไปทำร้ายน้องๆ เค้า พอบอกว่า Skin Barrier สำคัญขนาดนี้แล้วหลายคนคงสงสัยว่า ถ้าวันนึงเราเกิดดูแลเกราะป้องกันผิวไม่ดี จน Skin Barrier อ่อนแอจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

“เกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง = ผิวไม่แข็งแรง” เพราะผิวเราไม่มีด่านหน้าที่คอยคัดกรองนู่นนี่นั่น จนเสี่ยงเกิดอาการแพ้ง่าย ผิวระคายเคือง ผิวแห้งลอก เพิ่มโอกาสเป็นสิวมากขึ้น หรือมากๆ เข้า พวกสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคแปลกปลอมก็จะสามารถทะลุเข้าผิวได้ง่ายขึ้น ทีนี้ก็เพิ่มโอกาสของการเป็นโรคผิวหนังอักเสบ ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ บางคนผิวยิ่งแห้ง ยิ่งคันก็ยิ่งเกา จนเป็นแผลและแผลเป็น กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยากตามมาเพียบ วิธีการเช็คง่ายๆ ว่าเกราะป้องกันผิวเราโอเคมั้ย แบบเบสิคก็คือ เช็คก่อนว่าผิวเราเจอปัญหาผิวแห้งอยู่รึเปล่า?

เพราะผิวแห้งหรือความชุ่มชื้นไม่เพียงพอนี่แหละ เป็นสัญญาณของเกราะป้องกันผิวอ่อนแออันดับต้นๆ เลย หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเผชิญกับอาการผิวแห้งอยู่ ซึ่งถ้าแบ่งง่ายๆ “ผิวแห้ง” จะแบ่งออกได้อีก 5 ประเภท ได้แก่

• ผิวขาดความชุ่มชื้น สามารถเกิดได้ในคนทุกสภาพผิว (ผิวมัน ผิวผสม ที่หน้ามัน ผิวมันอาจจะเพราะขาดน้ำก็ได้นะ) เกิดจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจากภายใน จนบางครั้งต้องผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากเกิดไปจนทำให้ผิวมัน ซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ผิวระคายเคือง มีริ้วรอยร่องตื้นง่าย หรือเกิดปัญหาอุดตันจากน้ำมันที่ผลิตมามากเกินไป

• ผิวแห้งกร้าน เกิดจากผิวสูญเสียความชุ่มชื้น หรือการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอกมากเกินไป เช่น การอาบน้ำอุ่น การสัมผัสการสารเคมี หรือผิวสูญเสียความชุ่มชื้นตามวัย

• ผิวแห้งเป็นขุย แห้งลอก ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อากาศที่หนาวเย็น การอยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือผิวถูกเสียดสีซ้ำๆ ในจุดเดิม หรือแม้แต่ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งถ้าเราไม่รีบบำรุงตั้งแต่ต้น ปล่อยให้น้องแห้งลอก เป็นขุยไปนานๆ ก็จะยิ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองตามมา

• ผิวแห้งหมองคล้ำ เป็นปัญหาสะสมมาจากการเกิดปัญหาผิวแห้งกร้าน เพราะเมื่อผิวแห้งไปนานๆ เข้า ก็ทำให้ผิวหมองได้ง่ายขึ้น เพราะถูกแสงแดดและมลภาวะทำร้ายได้มากขึ้นนั่นเอง

• ผิวแห้งไม่เรียบเนียน เป็นลักษณะผิวที่แห้งจนเมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกได้ว่าผิวเราสากๆ ไม่เรียบเนียนเหมือนเคย ผิวมีการสูญเสียน้ำออกจากผิวมากเกินไป ซึ่งเมื่อเป็นมากๆ อาจทำให้เกิดอาการคันจนไม่สบายตัว

ซึ่งวิธีการดูแลเกราะป้องกันผิวแบบเบสิคแต่ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเลยก็คือ “การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว”

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Choichecker ถึงย้ำนักย้ำหนาว่ายังไงก็ห้ามลืมทามอยส์เจอไรเซอร์ ต่อให้ผิวมันก็ต้องทา!! ห้ามข้ามขั้นตอนนี้เด็ดขาดเลย แล้วมอยส์เจอไรเซอร์ตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง วันนี้เราขอหยิบตัวตึง ตัวตำนานมาป้ายยาซ้ำๆ กันอีกสักรอบ น้องคือ “CeraVe Moisturising Lotion” มอยส์เจอไรเซอร์ที่ทาได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า ราคาน่ารัก ที่พวกเรามีติดบ้านจนแทบจะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์สามัญประจำบ้านได้เลยแหละ

จุดเด่นของ “CeraVe Moisturising Lotion”

MVE Technology (Multivesicular Emulsion Technology) เทคโนโลยีเฉพาะของทางแบรนด์ CeraVe เค้าเลย ที่เค้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารบำรุงผิว ให้ทำงานได้เต็มที่และยาวนานมากขึ้น โดยจะค่อยๆ ปล่อยสารเติมความชุ่มชื้นออกมา ทำให้เก็บล็อกความชุ่มชื้นไว้กับผิวได้ยาวนานถึง 24 ชม.

กลไกการทำงานก็คือเค้าจะมีลักษณะเป็นแคปซูล ซึ่งแคปซูล MVE จะเป็นแคปซูลหลายๆ ชั้น ที่กักเก็บพวกสารให้ความชุ่มชื้นต่างๆเอาไว้ เช่น เซราไมด์ กรดไขมัน และหลังทาสกินแคร์ลงไปเจ้าแคปซูลที่มีหลายๆ ชั้นเค้าก็จะค่อยๆ ปล่อยสารบำรุงผิวเหล่านั้นออกมาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. ทำให้ผิวเราได้รับการบำรุงอยู่ตลอดเวลา

ส่วนผสมสำคัญใน “CeraVe Moisturising Lotion”

ส่วนผสมเค้าส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องบำรุงผิว บำรุงเกราะป้องกันผิวเป็นหลัก จึงเน้นๆ ไปที่สารให้ความชุ่มชื้นเลย ไม่ว่าจะเป็น

• Ceramides เซราไมด์จากธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ Ceramide NP, Ceramide AP และ Ceramide EOP เข้ามาช่วยซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว เสริมชั้่นผิวของเราให้แข็งแรง ดูชุ่มชื้น ไม่แห้งลอก ไม่แห้งกร้าน
• Fatty Acid หรือ กรดไขมัน เป็นองค์ประกอบที่อยู่ในโครงสร้างผิว ช่วยเสริมให้ปูนซีเมนต์ผิวของเราเรียงตัวกันแข็งแรงขึ้น
• Glycerin เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำขึ้น
• Sodium Hyaluronate ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ชั้นผิว กักเก็บน้ำให้กับผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู อิ่มน้ำ

และยังมี Tocopherol หรือวิตามิน E ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ใส่เข้ามาด้วยนะ

“CeraVe Moisturising Lotion” เหมาะกับใคร?

• ผิวธรรมดาทั่วไป
• ผิวผสม หรือมีปัญหาผิวขาดน้ำก็สามารถใช้ได้
• ปัญหาผิวแห้งกร้าน เป็นขุย แห้งลอก
• ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองง่าย

ขวดเดียวสามารถใช้ทาได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า

รีวิวเนื้อสัมผัส “CeraVe Moisturising Lotion”

เนื้อครีมสีขาว เข้มข้นแต่เกลี่ยง่าย ซึมไวมาก หลังซึมแล้วไม่ทิ้งความเหนอะหนะผิว สามารถทาตอนกลางวันได้เลย ไม่มีกลิ่นไม่มีน้ำหอม ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองเก่งใช้ได้เลย

แต่ใครที่ผิวแห้งมากๆ แบบเลิฟมอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อหนักๆ เค้ายังมีอีกสูตรเป็น Moisturising Cream ที่เนื้อจะเข้มข้นสุดๆ เหมาะกับคนที่ผิวแห้งมากๆ เนื้อคือเข้มข้น ไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้งเลย

รีวิวประสบการณ์หลังใช้ “CeraVe Moisturising Lotion”

เป็นมอยส์เจอไรเซอร์แทบจะมีติดบ้านอยู่ตลอด มีไว้แล้วอุ่นใจ หยิบใช้ง่าย ด้วยความที่ส่วนผสมเค้าดีมากๆ ช่วงไหนที่ผิวแห้งๆ ลอกๆ ปั๊มน้องมาทาผิวคือช่วยกู้ผิวให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นได้เลย ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในห้องแอร์เยอะยิ่งควรมีติดโต๊ะ ติดบ้านเอาไว้เลย คอยทาผิว เติมความชุ่มชื้นกันบ่อยๆ ผิวจะได้แข็งแรง เกราะป้องกันผิวไม่โดนทำร้ายมากเกินไป

ขนาด: 88ml/ ฿290, 473ml/ ฿720

ทางไปช้อป: Lazada: คลิกที่นี่ / Shopee: คลิกที่นี่ หรือพุ่งตัวไปช้อปได้ที่ Watsons, Boots, Evenboy, Beautrium, ร้านขายยาและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป

สุดท้ายน้ำ ใครเป็นแฟน “CeraVe Moisturising Lotion” อย่าลืมมาคอมเมนต์แชร์ว่าหลังใช้แล้วประทับใจอะไรกันบ้าง ส่วนใครที่ยังไม่เคยลอง ChoiceChecker ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด ซื้อติดบ้านไว้ 1 ขวด คือคุ้มสุดคุ้มเลยแหละค่าา

🙏คอนเทนต์นี้ได้รับการสนับสนุนสุดน่ารักจากแบรนด์ CeraVe🙏