[mini Review] d program Thermo Defense Serum ไอเทมปกป้องผิวจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง

คิดว่าคงไม่ใช่แค่เราที่มักเจอปัญหาผิวจากสภาพอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ยิ่ง ณ​ บัดนาวที่แยกไม่ออกแล้วว่าใช้ชีวิตอยู่ในฤดูอะไรเพราะวันวันนึงนางอยากจะมีทั้งแดด ฝน หนาวนางก็มีทำเอาผิวเรางงเป็นไก่ตาแตก เราเลยลองหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนพบว่าทาง d program เค้ามีเฟิร์สเซรั่มที่โฟกัสเรื่องการปกป้องผิวจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่าง d program Thermo Defense Serum อยู่และด้วยความสงสัยใคร่รู้ (ข้ออ้าง) นี่ก็กดสั่งมาแบบไม่รีรอและหยิบมาแชร์ให้ฟังกันฮะ...

The Claim

ทางแบรนด์เคลมว่า d program Thermo Defense Serum (30ml./1,290.-) เป็นเฟิร์สเซรั่ม บูสท์ผิว เพื่อเติมและล็อคความชุ่มชื่น ให้ผิวดูเด้ง อิ่มน้ำและปกป้องผิวจากอากาศที่แตกต่างกันระหว่างวัน โดยปราศจากพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

Texture

Texture (เนื้อสัมผัส) ในรูปแบบเซรั่มใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เนื้อไม่ได้เหลวเป็นน้ำแต่ก็ไม่ได้หนืดอะไรมากมาย เรียกว่าเป็นเนื้อสัมผัสที่เหมาะแก่การเป็นเฟิร์สเซรั่มอย่างไม่มีข้อกังขา

จากที่เราลองเปรียบเทียบผิวที่ทาเซรั่มบนหลังมือกับส่วนที่ไม่ได้ทาพบว่า..บริเวณที่ทาเซรั่มตัวนี้ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น ผิวดูโกลว์ขึ้นมาทันที แถมยังเป็นความชุ่มชื้นที่ไม่ทำให้รู้สึกหนักผิว

Active Ingredients

ด้าน Active Ingredients เราต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยการผสมผสานของสารหลายตัวจนเกิดคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ

• H-Stabilizing A : ด้วยการผสมผสาน Erythritol ร่วมกับ Glycerin ที่แบรนด์เคลมว่ามีส่วนช่วยฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิว ให้ผิวลับมาแข็งแรงสุขภาพดี และกักเก็บความชุ่มชื่นได้ดียิ่งขึ้น
• Thermo Defense Complex : Combination ของ Rubus Idaeus Fruit Extract, PCA -Na, Sodium Acetylated Hyaluronate, และ Glycerin ที่ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านที่เกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
• นอกจากนี้ยังมี Angelica Acutiloba Root Extract หรือสารสกัดจากรากโสมตังกุยญี่ปุ่น ที่พบว่ามีส่วนช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย แถมยังช่วยเสริมระบบการไหลเวียนเลือด จึงทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส เพิ่มเข้ามาด้วย

โดยรวมเรามองว่า d program Thermo Defense Serum เป็นเซรั่มที่คาดหวังผลในเรื่องการ มอบความชุ่มชื้นให้ผิวพร้อมกักเก็บน้ำในผิวและลดการสูญเสียน้ำในชั้นผิวได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างบางเบา และน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่ระคายเคืองง่ายเนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของ Fragrance Component จึงลดโอกาสก่อความระคายเคืองได้เยอะเลยหละ (ส่วนในแง่ของการปกป้องผิวจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความที่เราเองยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกที่นำมาสรุปประเด็นนี้ฮะ)

แต่สุดท้ายที่อย่างที่เราพูดเสมอว่าสภาพผิวของแต่ละคนล้วนแตกต่าง อีกทั้งยังมีปัจจัยต่างๆ เช่น การดูแลตัวเอง, ไลฟ์สไตล์รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมกัน ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลครับ // ส่วนคำถามว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่ ? เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตอบให้ได้เนื่องจากสภาพผิวและปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอก่อนทุกครั้งครับ