ถึงแม้ว่าสภาพอากาศบ้านเราดูเหมือนจะมีอยู่หน้าเดียว คือหน้าร้อน แต่จริงๆแล้วบ้านเรายังมีฤดูกาลอยู่น้าา
ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยนผิวเราก็ปรับตัวด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะร้อน-เย็น แห้ง-ชื้น แดดออกหรือฝนตก เกราะป้องกันผิวจะทำงานหนักในการเปิด-ปิดผิว ควบคุมการเก็บน้ำตามธรรมชาติ
เราเองก็ควบคุมการทำงานของผิวตัวเองได้เหมือนกันนะ แค่เปลี่ยนสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในแต่ละฤดูกาลจะช่วยให้ผิวทำงานน้อยลง ลดโอกาสผิวเสียแห้งลอกได้ด้วย
อุณหภูมิ ความชื้น หรือปริมาณรังสียูวีในแดด เรื่องพวกนี้เช็คในแอพ Weather บนมือถือก็รู้แล้ว
มาดูกันว่า ฤดูไหนควรใช้สกินแคร์แบบไหน
Basic Skincare : สกินแคร์ที่ต้องใช้ทุกฤดู คลีนเซอร์ล้างหน้า-มอยเจอร์ไรเซอร์-ครีมกันแดด
Seasonal Skincare : เป็นสกินแคร์เสริมที่เรียกไม่ได้ว่าจำเป็น แต่ถ้าปรับตามนี้ได้ก็จะดีกับผิวนะ
วิธีดูว่าหนาวแล้วรึยัง นอกจากอุณหภูมิต่ำลงจนรู้สึกหนาว หน้านี้จะมีลมและความชื้นที่ต่ำกว่าปกติด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวเราก็คือผิวแห้งกร้านได้ง่ายกว่าฤดูอื่น เซราไมด์และกรดไขมันในผิวหนังชั้นนอกลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง สำหรับบางคนที่ผิวบอบบางหน่อยอาจจะมีอาการอักเสบอย่างผิวแตกแดงลอก(อาการนี้ผิวแห้งแบบชีผักบุ้งเป็นบ่อยมาก)
สกินแคร์ที่เหมาะกับฤดูหนาว
สำหรับฤดูฝนเป็นด่านบอสสำหรับผิวเลยก็ว่าได้ ความชื้นที่มาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว น้ำฝนเปียกๆนี่ทำให้ผิวทำงานยากกว่าฤดูอื่นๆ
โดยเฉพาะกับคนผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย เจ้าความชื้นเป็นตัวนำพาสิ่งสกปรกมาเกาะบนผิวเก่งมาก และเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนัก ความมันส่วนเกินก็มาดักจับแบคทีเรียไว้บนผิว กลายเป็นสิวอีก!
สกินแคร์ที่เหมาะกับฤดูฝน
หน้าร้อนนี่คงไม่ต้องบรรยายสภาพ ในบ้านเรานี่ร้อนทั้งปีจนเกือบเหมือนจะมีอยู่ฤดูเดียวแล้วล่ะ
เป็นฤดูที่ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนักสุด ถ้าปล่อยให้ผลิตน้ำมันเยอะๆแบบนี้จะส่งผลต่อระดับความชื้นของผิวเพราะร่างกายมีการขับน้ำมากขึ้น(ที่เหงื่อไหลนั่นล่ะการขับน้ำของผิว) อีกสิ่งที่เรากลัวกันที่สุดคือหน้าร้อนรังสียูวีอันทะลุทะลวง ทำให้ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ-ฝ้า-กระแน่น แสงแดดยังทำให้หน้าแก่ริ้วรอยลึกขึ้น เป็นสิว และอาจถึงขั้นทำลายสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวได้เลยนะ ทีนี้เกราะป้องกินผิวพังได้เลยล่ะ
สกินแคร์ที่เหมาะกับฤดูร้อน
ข้อมูลอ้างอิง
ความคิดเห็น